รีวิว ทดสอบสมรรถนะสปอร์ตตระกูล CBR series แบบเต็มแรง! ไปกับ Track Days จาก ฮอนด้า
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดประสบการณ์ TRACK DAYS กับการทดสอบสุดพิเศษของรถตระกูล CBR series สปอร์ตบิ๊กไบค์ เช่น
CBR500R,
CBR650R,
CBR1000RR และ
CBR1000RR sp ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล บุรีรัมย์ เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบขี่ พร้อมกับ เซเลบ และนักแข่งทีมฮอนด้า รวมทั้งทีมงานมอเตอร์ไบค์ กูรู ของทาง เช็คราคา.คอม
โดยงานนี้ คุณจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด ได้เดินทางมาให้การต้อนรับทีมสื่อมวลชนที่มาร่วมกิจกรรม CBR Series - Circuit Experience เป็นอย่างดี พร้อมมีนักแข่งทีมฮอนด้ามาเป็นผู้สอนเบื้องต้นก่อนการทดสอบ และมีทีมงานด้านผลิตภัณฑ์มาร่วมอธิบายรายละเอียดของรุ่นรถ CBR ที่ใช้ในการขี่ในสนามนี้ เพื่อความเข้าใจในตัวรถมากขึ้น
สำหรับการทดสอบ ทางทีมผู้จัดได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ A, B และ C ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้ขี่ทั้งหมด 4 ช่วงการทดสอบ (ช่วงละ 20 นาที โดยประมาณ) ซึ่งผู้เขียนมีชื่ออยู่ในกลุ่ม B ที่จะเริ่มขี่ช่วงแรกต่อจากกลุ่ม A ในเวลา 10.30 น.
เริ่มต้นช่วงแรกของการทดสอบกับรุ่น CBR650R โดยได้ขี่คันสี MAT JEANS BLUE METALLIC ซึ่งเป็นสีใหม่ การทดสอบเริ่มจากกลุ่ม A ก่อน ส่วนรถที่เตรียมไว้ทั้งหมดมีคละรุ่น 500R, 650R และ 1000RR หลังจากกลุ่ม A เข้ามาทีมงานตรวจเช็ครถเรียบร้อย กลุ่ม B ก็เข้าสแตนด์บายต่อ รอบแรกออกจากพิตมีกรวยสลาลอมดักเพื่อให้วอร์มก่อนเข้าแทร็ค แต่ละกลุ่มก็มีนักแข่งจากทีมฮอนด้าร่วมขี่ไปพร้อมกันเพื่อดูและแนะนำเทคนิคการขี่เพิ่มเติม ผู้เขียนออกไปขี่รอบสนามทั้งหมด 10 กว่ารอบ ประทับใจกับการตอบสนองของเครื่องยนต์ ท่านั่งที่เอื้อให้ขี่ในแทร็คง่ายขึ้น ระบบเบรกที่เอาอยู่ การควบคุมตัวรถในโค้ง ช่วงทางตรงที่ใช้ความเร็วสูงการใช้เกียร์ต่อเกียร์ในความต่อเนื่องอย่างฉับไว ตัวรถนิ่งอย่างน่าพอใจ ส่วนหนึ่งจากการปรับปรุงโช๊คอัพหน้าเป็นแบบหัวกลับ (Upside down) ขนาด 41 มิลลิเมตรจาก SHOWA สุดทางตรงยกและชะลอเบรกได้มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรอบด้วยดิสก์เบรกคาลิปเปอร์ 4 พอท ในการปรับเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งผู้เขียนเหลือบมองได้อย่างชัดเจนด้วยเรือนไมล์ดิจิตอลใหม่ของ CBR650R นั้นดูง่าย ดูคล้ายรุ่นพี่ CB 1000R ตัว Naked สำหรับการเบรกและชิฟท์เกียร์ลงก่อนเข้าโค้งในหลายๆ โค้ง ตัวรถที่มีระบบเทคโนโลยี Assist & Slipper Clutch ได้ช่วยลดอาการกระชากของล้อหลังในช่วงเปลี่ยนเกียร์สูงลงมาเกียร์ต่ำได้อย่างน่าพอใจคือ ถ้าไปขี่บนถนนเปิดทั่วไปเป็นประโยชน์มาก รวมทั้งระบบ Emergency Stop Tail Light แสดงไฟฉุกเฉินเมื่อรถเบรกกะทันหันด้วย
หลังจากขี่ได้ประมาณ 20 กว่านาที ก็ได้รับสัญญานให้เข้าพิตเพื่อส่งต่อให้กลุ่ม C ขี่ต่อ ผู้เขียนออกมาพัก จนช่วงบ่ายได้ลอง CBR650R อีก 2 ช่วง ตอกย้ำความเชื่อมั่นของตัวรถที่ให้สมรรถนะดีเยี่ยมแม้ขี่ในสนามแข่งระดับโลกก็ยังตอบสนองได้อย่างสนุก ส่วน CBR500R ผมได้มีโอกาสลอง 1 ช่วง พบว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่ขี่ง่าย ให้ความแรงที่พอดี ควบคุมสบาย เหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มต้นกับสปอร์ตบิ๊กไบค์ราคาประหยัดแต่คุณภาพดี ขี่สนุก ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ 2 สูบ เสียงการทำงานจากเครื่องยนต์ผ่านท่ออาจไม่ดังปลุกเร้าเท่าไหร่ แม้ขี่รอบสูงในสนามแข่งก็ตาม โดยรวมราคา 217,000 บาท นับเป็นการเริ่มต้นกับสปอร์ตบิ๊กไบค์ที่คุ้มค่าไม่น้อย ก่อนขยับไปขี่รุ่นใหญ่
บทสรุป CBR650R กับราคาค่าตัว 320,000 บาท แลกกับการได้ครอบครองสปอร์ตบิ๊กไบค์ที่พัฒนา และปรับปรุงขึ้นมาจากรุ่นก่อนในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบ ตำแหน่งจุดยึดต่างๆ ช่วงล่าง เทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมกับสมรรถนะที่โดดเด่น ขี่สนุก แรงดีพอกับการขี่ทั้งบนถนนและในสนามแข่ง ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นทั้งราคาและสิ่งที่ได้ เช่นเดียวกับรุ่น CBR500R ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 217,000 บาท ก็เหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มต้นขี่สปอร์ตบิ๊กไบค์ คือ ดีทั้งราคาและตัวรถ น่าเสียดายที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ลองรุ่น CBR1000RR แต่เชื่อว่า Track Days ครั้งหน้าอาจมีโอกาสได้ขี่รุ่นพี่ใหญ่ในแทร็ค แล้วจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาบอกกันต่อไปครับ
-
ชลัคร ช่วยชู
Motorbike GURU Thailand