รูดบัตรเครดิตต่างประเทศ : รู้มั้ยแต่ละบัตรชาร์จค่าธรรมเนียมกันเท่าไร?
เชื่อว่าการได้ไปท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ต่างประเทศนั้นเป็นความฝันและความชื่นชอบของใครหลายๆ คน ซึ่งในการไปเที่ยวหรือช้อปปิ้งในต่างแดน หลายๆ คนก็นิยมใช้ "บัตรเครดิต" ซะส่วนใหญ่ เพราะนอกจากจะไม่ต้องพกเงินสดเยอะๆ แล้ว ยังจะได้รับโปรโมชั่นดีๆ จากการรูดบัตรเครดิตอีกด้วย ปกติเวลาเราใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ จะโดนชาร์จค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า "ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน" ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ.. โดนแบบนี้รวมไปรวมมาจะซื้อของได้ราคาถูกหรือแพงกว่าที่เมืองไทยกันแน่? วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ดูกันแล้วว่า แต่ละธนาคารชาร์จ "ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน" กันเท่าไหร่บ้าง? พร้อมกับวิธีการคำนวณง่ายๆ ซึ่งจะทำให้เราคำนวณได้เองคร่าวๆ ว่า ตกลงที่เราใช้บัตรเครดิตซื้อของที่เมืองนอกนั้น จริงๆ แล้วจะออกมาถูกหรือแพงแค่ไหน ถ้าหากต้องบวกค่าธรรมเนียมพวกนี้เข้าไปด้วยค่ะ
เทรนด์เมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 เมืองดัง ที่มาวินในครึ่งปีแรก 2559
ก่อนที่จะไปดูเรื่อง "ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินเวลาใช้บัตรเครดิตต่างแดน" เรามาดูเรื่องเบาๆ กันก่อนว่า ประเทศไหน เมืองไหนที่คนนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุดในช่วงต้นปีแรก 2559 เราขออ้างอิงข้อมูลสถิติจากเว็บไซต์ www.skyscanner.co.th ค่ะ ลองมาดูกันว่า 10 อันดับเมืองฮิตที่มาวินที่สุดนั้นเป็นเมืองไหนบ้าง? ดูจากภาพด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ สูตรการคำนวณเป็นบาทเวลารูดต่างประเทศ พร้อมตัวอย่าง
เข้าสู่หลักการกันเลยนะคะ.. เวลาเราใช้บัตรเครดิตไปรูดซื้อของที่ต่างประเทศ เราจะไม่ได้เสียแค่เงินค่าซื้อของเท่านั้น เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินด้วย ซึ่งทุกธนาคารจะชาร์จพวกนี้หมด เพราะถือว่าธนาคารก็ต้องลดความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ขึ้นๆ ลงๆ ทุกวันด้วยเช่นกัน ส่วนสูตรการคำนวณคร่าวๆ จะเป็นไปตามตารางข้างล่างนี้ค่ะ
สูตรการคำนวณ: รูดบัตรเครดิตต่างประเทศจะคิดออกมาเป็น "เงินบาท" เท่าไร ? |
1. รูดบัตรฯ เป็นเงินตราต่างประเทศอะไรก็ตาม ถ้าไม่ได้รูดเป็น US Dollars จะต้องนำไปแปลงเป็น US Dollars ก่อนเสมอ |
2. โดยการแปลงเป็น US Dollars ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามแบรนด์บัตรเครดิตที่เรารูดไป โดยดูอัตราแลกเปลี่ยนได้จากเว็บไซต์เหล่านี้ VISA CARD, MASTERCARD, UNION PAY, JCB, AMEX |
3. นำจำนวนเงินที่รูด ไปคูณกับอัตราแลกเปลี่ยน (USD-Baht) ที่ได้จากเว็บไซต์ตามข้อ 2 เพื่อให้ตัวเลขออกมาเป็นเงินบาท |
4. หลังจากนั้น ให้นำจำนวนเงินที่ได้จากข้อ 3 ไปคูณกับ "ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน" (%) ตามที่แต่ละธนาคารกำหนด โดยมีรายละเอียดสำหรับแต่ละธนาคารในตารางด้านล่าง เพื่อให้ได้ตัวเลขค่าธรรมเนียมความเสี่ยง |
5. นำจำนวนเงินที่ได้ในข้อ 3 รวมกับที่ได้ในข้อ 4 จะเท่ากับจำนวนเงินทั้งหมดที่ถือว่าเรารูดบัตรเครดิตเป็นเงินบาทไป และเราต้องจ่ายคืนให้แก่ธนาคาร |
ยกตัวอย่างวิธีการคำนวณ : ถ้า น.ส.โอ๋ ใช้บัตรเครดิต KTC JCB เพื่อรูดซื้อของที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเงินจำนวน 25,000 เยน ในวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ถามว่า น.ส.โอ๋ จะต้องชำระเงินให้กับบริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เป็นเงินไทยบาทเท่าไร ณ วันที่บริษัทฯ เรียกเก็บ?
วิธีการคำนวณ - Step 1 และ Step 2 : แปลงค่าสกุลเงิน JPY เป็นสกุลเงิน USD ก่อน โดยดูจากตารางใน website ของ JCB โดยเลือกดูอัตราแลกเปลี่ยนตามวันที่ที่เราทำรายการ (30/12/2559)
- อัตราแลกเปลี่ยน USD 1 = JPY 116.350 ดังนั้น JPY 25,000 จะเท่ากับ 25,000 หาร 116.350 = USD 214.869
- Step 3 : อัตราแลกเปลี่ยน USD 1 = THB 35.707 ดังนั้น USD 214.869 จะเท่ากับ 214.869 คูณ 35.707 = 7,672.327 บาท
- Step 4 : บริษัทบัตรกรุงไทย (KTC) กำหนดค่าความเสี่ยงฯ อยู่ที่ไม่เกิน 2.0% ดังนั้น นำ 7,672.327 x 2% = 153.447 บาท
- Step 5 : ยอดค่าใช้จ่ายผ่านบัตร KTC JCB จำนวนเงิน 25,000 เยน จะถูกเรียกเก็บเป็นเงินไทยทั้งหมด 7,672.327 + 153.447 = 7,825.774 บาท โดยประมาณ
ตารางแสดง "ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน" ของบัตรเครดิตแต่ละสถาบันการเงิน
"ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน" ของแต่ละธนาคาร หรือสถาบันการเงินในไทย จะเป็นไปตามตารางข้างล่างนี้ค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 2.0% - 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย แต่บางช่วงเวลา บางธนาคารก็จะมีโปรโมชั่นส่วนลดค่าธรรมเนียมความเสี่ยงฯ ให้เราได้ช้อปปิ้งกันแบบชิลๆ ค่ะ ซึ่งก็ต้องคอยติดตามโปรโมชั่นของแต่ละแบงก์กันดู ส่วนค่าธรรมเนียมความเสี่ยงฯ หลักๆ จะเป็นดังตารางด้านล่างนี้
ธนาคาร/สถาบันการเงิน | ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน (ปกติ) | Promotion |
ธนาคารกรุงเทพ | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารกสิกรไทย | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารซิตี้แบงก์ | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
เซ็นทรัล เดอะวัน เครดิตคาร์ด | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารทหารไทย | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
เทสโก้ คาร์ด | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารไทยพาณิชย์ | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารธนชาต | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
แบงค์ออฟไชน่า | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
บัตรกรุงไทย | ไม่เกิน 2.0% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
บัตรกรุงศรีอยุธยา | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
เฟิร์สช้อยส์ | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารยูโอบี | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ออล-เวย์ส | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
อเมริกัน เอ็กซ์เพรส | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารออมสิน | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
อิออน | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) | ไม่เกิน 2.0% ของยอดค่าใช้จ่าย | - |
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับวิธีการคำนวณค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินคร่าวๆ และอัตราค่าความเสี่ยงฯ ของแต่ละสถาบันการเงินที่เรานำมาให้ดู ทางทีมงานก็หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ประโยชน์จากข้อมูล และสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้เองเบื้องต้นนะคะ ส่วนใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในต่างประเทศและใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่เป็นประจำ ก็อย่าลืมเลือกสมัครบัตรเครดิตให้เหมาะและตรงกับความต้องการของเรา หรืออาจจะใช้บัตรเครดิตที่มีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินน้อยๆ เข้าไว้ เพื่อความประหยัดและคุ้มค่าที่สุดของการใช้จ่ายค่ะ
หมายเหตุ - ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ค. 61
- ค่าความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน คิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ผ่านบัตรเครดิต รวมไปถึงการถอนเงินสด (Cash Advance) ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ โดยจะถูกเรียกเก็บเป็นสกุลเงินบาทไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนที่สถาบันการเงินนั้นๆ ถูกเรียกเก็บจากบริษัทบัตรเครดิตที่สถาบันการเงินนั้นเป็นสมาชิกอยู่ ณ วันที่มีการเรียกเก็บยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวกับสถาบันการเงิน
- ในกรณีที่สกุลเงินต่างประเทศที่ทำรายการผ่านบัตรเครดิตไม่ใช่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก่อนที่จะทำการแปลงเป็นสกุลเงินบาทเพื่อเรียกเก็บ
- *การยกเว้นค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินจากบัตรเครดิตยูเนียนเพย์ธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัดสิทธิพิเศษเฉพาะการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ภายในประเทศจีนเท่านั้น (Mainland)
- บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลค่าความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละประเภทบัตรอ้างอิงตามบริษัทบัตร VISA, MASTER, UNION PAY, JCB และ AMEX หากมีค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ธนาคารเจ้าของบัตรเรียกเก็บเพิ่มเติม โปรดสอบถามโดยตรงจากสถาบันการเงินผู้ออกบัตรฯ นั้นๆ
-
อัจฉราพรรณ สายตรง
MONEY GURU Thailand