หาก "กฏหมายการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้" บังคับใช้จริง จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ที่นี่! มีคำตอบ
จากข่าวเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา มีรายงานจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบแนวทางจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม โดยให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% ของเงินได้ จากเดิมที่เสียภาษีเพียง 10% ซึ่งให้เหตุผลว่า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมด้านการจัดเก็บภาษีระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงกับการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้เข้าภาครัฐปีละ 1,600-2,500 ล้านบาท วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องของกองทุนรวมตราสารหนี้ไปพร้อมๆ กันนะคะ
กองทุนรวมตราสารหนี้ (General Fixed Income Fund) คืออะไร?
กองทุนรวมตราสารหนี้ (General Fixed Income Fund) แปลตรงๆ ก็คือ กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารการเงินที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (Fixed Income) เช่น เงินฝาก และตราสารหนี้ประเภทต่างๆ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝากของธนาคาร ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตลอดจนหุ้นกู้ของภาคเอกชน กองทุนรวมประเภทนี้ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย เพราะตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่มีความสม่ำเสมอ นอกจากนี้ แม้ว่าราคาตราสารหนี้อาจมีความผันผวนขึ้นลงตามสภาวะตลาด แต่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้ ก็ยังผันผวนไม่มากเท่ากับตราสารทุน
ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แล้วได้อะไร?
1. กำไรจากราคา ดอกเบี้ยที่ได้รับจากตราสารหนี้ภายในกองทุน หรือราคาของตราสารหนี้ในกองทุนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ราคากองทุนเพิ่มขึ้น ถ้าเราถือลงทุนก็จะทำให้เราได้กำไร
2. กระแสเงินสดจากปันผล กองทุนตราสารหนี้บางกองอาจมีการจ่ายเงินปันผล
ภาษีจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้
| แบบเดิม | แบบใหม่ที่ ครม.อนุมัติหลักการ |
กำไรจากการขายหน่วย (Capital Gain) | จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และไม่ต้องนำไปรวมเป็นรายได้ | ตามแบบเดิม คือ ไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย |
รายได้เงินปันผลต่อหน่วย (Dividend) | จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แต่มีสิทธิเลือกให้หักแล้วจบเลย หรือจะนำไปคิดรวมเป็นรายได้ก็ได้ ถ้าเลือกรวมปันผลจากกองทุน ก็ต้องนำมารวมทุกกองทุน แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเงินปันผลจากหุ้นรายตัวมารวม และถ้าเลือกรวมปันผลจากหุ้นรายตัว ก็ต้องนำมาทุกหุ้นที่ได้ปันผล แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเงินปันผลจากกองทุนมารวม คือเงินปันผล ก็มีหลายประเภท แยกกันได้ แต่ในประเภทเดียวกัน ต้องเอามาให้ครบ | ตามแบบเดิม |
รายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับจากตราสารหนี้ภายในกองทุน (คือ ดอกเบี้ยที่เป็นรายได้เข้ากองทุน) | ไม่ถูกหักภาษีใดๆ ตัวกองทุนรับรายได้เต็มๆ | จะถูกหักภาษี 15% โดยให้นิติบุคคลผู้จ่ายดอกเบี้ยทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย |
ดังนั้น ... เมื่อรายได้ดอกเบี้ยที่ตราสารหนี้ภายในกองทุนได้รับถูกเก็บภาษี 15% จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ต่ำลง เช่น
ตัวอย่าง | แบบเดิม | แบบใหม่ |
ราคากองทุน ตอนต้นปี = 10.00 | 10.00 (ไม่เสียภาษี) |
กำไรจากราคาตราสารหนี้ที่อยู่ในกองทุน กำไรจากราคาตราสารหนี้ ไม่ต้องเสียภาษี | 0.30 (ไม่เสียภาษี) |
รายได้ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ที่อยู่ในกองทุน | 0.20 |
ไม่เสียภาษี | ถูกเก็บภาษีรายได้จากดอกเบี้ยที่ตราสารหนี้ภายในกองทุนได้รับ 15% คิดเป็นหักภาษี 0.03 |
ราคากองทุน ณ ปลายปี | 10.50 | 10.47 (เพราะถูกหักภาษีไป 0.03) |
ผลตอบแทนรวมในระยะเวลา 1 ปี | 5.00% | 4.70% |
ถึงแม้ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีมติอนุมัติให้จัดเก็บภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยที่ได้รับจากการลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมในอัตรา 15% แต่หลังจากนี้ยังต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย ดังนั้น ขณะนี้กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้จริง และไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนรวมที่ดำเนินการในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากใครกำลังวางแผนจะลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็จะได้เตรียมตัวรับมือกับมาตรการภาษีที่อาจจะประกาศใช้จริงในเร็ววันนี้ และถ้ามีประกาศมาเมื่อไหร่ เช็คราคา.คอมจะนำมาอัปเดตให้ทราบกันอีกแน่นอนค่ะ ไว้พบกันใหม่บทความหน้านะคะ :)
-
ชนานาถ จินตกสิกรรม
MONEY GURU Thailand