IDC ยืนยัน! Xiaomi ขยับขึ้นอันดับ 2 ของโลกในด้านส่วนแบ่งทางการตลาด แซง Apple ได้สำเร็จครั้งแรก
IDC รายงานตัวเลขทางการตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกประจำเดือนกรกฏาคมที่พึ่งผ่านพ้นไป โดยพบว่า "Xiaomi" แบรนด์ผู้ผลิตมือถือและอุปกรณ์ไอทีจากจีนได้กลายเป็นแบรนด์อันดับ 2 ของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำส่วนแบ่งทางการตลาดแซง Apple ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และเป็นอันดับเดียวกับที่ได้จากรายงานสถิติของทาง Canalys ที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้เช่นเดียวกันว่า Xiaomi ได้กลายเป็นแบรนด์มือถือเบอร์ 2 ของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแตกต่างกันเพียงข้อแค่ข้อมูลตัวเลขเท่านั้น
IDC ได้รายงานตัวเลขทางการตลาดของแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนทั่วโลกประจำไตรมาสที่สองของปี 2021 ซึ่งจัดอันดับตามส่วนแบ่งทางการตลาดและอัตราการเติบโตของแต่ละแบรนด์ที่ทำได้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคมพบว่า Samsung ยังคงเป็นแบรนด์มือถือเบอร์ 1 ของโลกเช่นเดิม โดยสามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนไปทั่วโลกรวมมากกว่า 59 ล้านเครื่อง ทำได้มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ 4 ล้านเครื่อง และได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในรอบนี้ไปได้ 18.8% แต่เมื่อเทียบกับส่วนแบ่งทางการตลาดของปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน ถือว่า Samsung ทำส่วนแบ่งทางการตลาดได้น้อยลงถึง 0.5%
ในขณะที่ Xiaomi ขยับขึ้นมาเป็นแบรนด์มือถืออันดับ 2 ของโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยสามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกไปได้มากถึง 53.1 ล้านเครื่อง (รวมสมาร์ตโฟนแบรนด์ Redmi และ POCO ด้วย) สามารถทำส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ 16.9% ซึ่งเมื่อนำตัวเลขไปเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว Xiaomi มีอัตราการเติบโตมากถึง 86.6% เป็นอัตราการเติบโตที่มากที่สุดในบรรดาแบรนด์มือถือทั้งหมดด้วยกัน
ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ Apple ที่สามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกไปได้ 44.2 ล้านเครื่อง ทำส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ 14.1% ซึ่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันดับที่ 4 ยังคงเป็นของ OPPO ที่ทำส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ 10.5% มียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกได้ 32.8 ล้านเครื่อง และอันดับที่ 5 เป็นของ vivo สามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกได้ 31.6 ล้านเครื่อง ทำส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ 10.1%
โดยทาง IDC ได้หมายเหตุไว้ในรายงานว่า ตัวเลขยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกของแต่ละแบรนด์นั้นได้รวมตัวเลขการจัดส่งของแบรนด์ลูกไว้ด้วย ดังนั้น Xiaomi จึงนำยอดของ Redmi, POCO มารวมไว้ในรายงานเรียบร้อย รวมถึง vivo และ OPPO ด้วยเช่นกัน
ที่มา : GizmoChina