Rolls-Royce Wraith Black Badge เปิดตัวครั้งแรกใน ASEAN ที่งาน Motor Show 2017
โรลส์-รอยซ์ เผยโฉม
Rolls-Royce Wraith Black Badge เป็นครั้งแรกใน ASEAN ที่งานมอเตอร์โชว์ 2017 (Motor Show 2017) เหมาะกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ซึ่งทุ่มเทเต็มที่ให้กับการทำงานในยามกลางวันแต่ก็ออกไปใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงในยามค่ำคืนด้วย ผู้ซึ่งไม่ยึดติดกับธรรมเนียมของสังคมและเลือกที่จะท้าทายทุกขีดจำกัดเพื่อทำให้ความปรารถนาของตัวเองเป็นจริง
โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ จึงถือเป็นยนตรกรรมจากโรลส์-รอยซ์ ที่เพิ่มความแข็งแกร่งและลึกลับยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์แนวคิดแห่งยุคนี้
การพลิกโฉมอย่างเฉียบคมจาก Rolls-Royce Wraith Black Badge เริ่มตั้งแต่สัญลักษณ์หน้ารถ Spirit of Ecstasy หรือก็คือ "Flying Lady" อันโด่งดังซึ่งยังคงไว้ซึ่งรูปร่าง ลักษณะท่าทาง และวัสดุที่ใช้ผลิต โดยมีการปรับเปลี่ยนเพียงแค่สีสันเพื่อสื่อถึงเสน่ห์อันลึกลับของแบล็ค แบดจ์
ตราสัญลักษณ์รูปตัว R สองตัวที่บริเวณด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังของเรธเปลี่ยนเป็นสีเงินและสีดำ ส่วนอุปกรณ์บนพื้นผิวรถซึ่งผลิตขึ้นจากโครเมียม เช่น ตะแกรงหน้ารถ ชุดครอบฝากระโปรงหลัง ชุดครอบช่องลมเข้า และท่อไอเสียถูกเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพื่อให้กลมกลืนไปกับเงาที่ทอดมาจากท้ายรถ
ภายในตัวรถนั้น สีดำยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดจากการลงสีและแลคเกอร์เคลือบสีซ้อนทับกันหลายชั้นอย่างพิถีพิถันที่สุดด้วยมือเพื่อให้สีมีความชัดเจน ผลที่ออกมาจึงเป็นสีดำที่มืดสนิทยิ่งกว่าท้องฟ้ายามค่ำคืน ถือเป็นเฉดสีที่เข้มที่สุดที่รถยนต์เคยมีมา ในฐานะที่ Bespoke คือส่วนหนึ่งของโรลส์-รอยซ์ แน่นอนว่าลูกค้าสามารถเลือกสีภายนอกและภายในโรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ ได้ตามต้องการ
ห้องโดยสารของ Wraith Black Badge นับตั้งแต่ส่วนกลางของรถซึ่งผลิตจากเส้นใยคาร์บอนที่ร้อยด้วยอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ เส้นอลูมิเนียมที่หนาเพียง 0.014 มม. ถูกร้อยเรียงและยึดเข้าไว้ด้วยกันด้วยเส้นใยคาร์บอนจากกระบวนการที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างสูง
เครื่องหมายอนันต์ที่สื่อถึง "ความไร้ขีดจำกัด" ปรากฏอยู่ทั้งบนหน้าปัดของรถ พนักพิงศีรษะ และปักอยู่บนเบาะที่นั่ง โดยเป็นทั้งสัญลักษณ์ของแนวคิดที่กล้าหาญและท้าทายของแบล็ค แบดจ์ ในส่วนของการตกแต่งในขั้นตอนสุดท้ายนั้น ภายในรถจะมีแสงไฟสลัวๆ ที่ส่องมาจากเพดานสีดำลายดาวระยิบระยับ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูลึกลับน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
เนื่องจากเรธเป็นโรลส์-รอยซ์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกด้วยกำลัง 624 แรงม้า จึงเป็นยานยนต์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่มากที่สุดในบรรดายนตรกรรมรุ่นต่างๆ ในการสร้างสรรค์ วิศวกรได้ผสานแรงบิดสูงพิเศษ (+70 นิวตันเมตร) เข้ากับกำลังส่งออกระดับสูงที่มีอยู่ พร้อมระบบกันสะเทือนออกแบบใหม่ทั้งหมด เพลาขับรุ่นใหม่ และชุดเกียร์ 8 สปีดที่ทรงพลังยิ่งขึ้น โดยยังคงมาพร้อมกับเทคโนโลยี Rolls-Royce Magic Carpet Ride เพื่อความสบายในการขับขี่เอาไว้อย่างครบครัน
แบล็ค แบดจ์ ขับเคลื่อนบนท้องถนนผ่านเส้นใยแบบใหม่พิเศษที่ทำจากคาร์บอนและล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนากว่า 4 ปี ประกอบไปด้วยเส้นใยคาร์บอน 22 ชั้นวางซ้อนกันบนแกนทั้งสามและพับทบอีกชั้นหนึ่งจนเกิดเป็น 44 ชั้นที่แข็งแรงและสามารถต้านการสั่นสะเทือนได้ นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยดุมล้อสามมิติที่ผลิตจากอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยานและยึดเข้ากับขอบล้อด้วยสายรัดที่ผลิตจากไทเทเนียม
ราคาเริ่มต้นที่ 34.9 ล้านบาท โดยราคาจะขึ้นอยู่กับลักษณะพิเศษที่สั่งทำ