รวม 5 SUV น่าใช้ใน Motor Expo 2016
ความนิยมใน SUV บ้านเราช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผู้หลิตรถหลายแบรนด์ หันมาให้ความสำคัญพร้อมเพิ่มรุ่นหลักและย่อยมากขึ้น ด้วยสภาพถนนและเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันมามอง SUV แทนรถเก๋งแบบเดิมๆ เพราะสามารถใช้เป็นรถครอบครัวและเดินทางในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ยังให้ความมั่นใจในการขับด้วยมุมมองที่ดีกว่า SUV รุ่นใหม่ หลายแบรนด์ ต่างมีรูปลักษณ์ที่สวยและโดดเด่น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป
SUV รุ่นใด แบบไหน น่าใช้และโดนใจที่สุด ทีมงานเช็คราคา.คอม ได้เดินสำรวจในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 หรือ Motor Expo 2016 พร้อมนำภาพและข้อมูลมานำเสนอให้อ่านกันครับ
Chevrolet Trailblazer LTZ
Chevrolet Trailblazer LTZ ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกภายในห้องโดยสารใหม่ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและความปลอดภัยอย่างครบครัน นอกจากนี้ยังเป็นเอสยูวีรุ่นแรกในเซกเมนต์ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นรีโมท สตาร์ท แอปเปิล คาร์เพลย์ และสิริ อายส์ ฟรี ส่วนขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT (Variable Geometry Turbocharger) ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 2,000 รอบต่อนาที
Ford Everest 2.2L Titanium+
Ford Everest 2.2L Titanium+ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยในการขับแบบอัจฉริยะ (Advanced-Driving Assist Technology) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Duratorq TDCi VG Turbo ขนาด 2.2 ลิตร ถ่ายกำลังสู่สองล้อหลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สำหรับการขับปลอดภัยบนเส้นทางในเมืองและนอกเมือง ฟอร์ดได้ติดตั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ที่พัฒนาให้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายกว่าเดิม พร้อมระบบเพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบ ส่วนห้องโดยสารขนาด 7 ที่นั่ง ทั้งประณีต นั่งสบาย และใช้งานสะดวกด้วยคุณสมบัติมากมาย ทั้งหลังคาแบบพาโนรามิคมูนรูฟขนาดใหญ่เปิดกว้างได้ถึงแถวที่นั่งด้านหลัง ช่องเก็บของเพื่อวางแก้วน้ำและอื่นๆ กว่า 30 ช่อง ปลั๊กต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง และปลั๊กไฟบ้านเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เบาะนั่งสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับทุกการใช้งานได้โดยเบาะนั่งแถวที่สองและสาม สามารถแยกพับและพับเก็บให้แบนราบได้ทั้งสองแถว เพื่อการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้ถึง 2,010 ลิตร
Toyota Fortuner TRD Sportivo
Hilux Fortunner TRD Sportivo ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเต็มคัน เริ่มด้วยกระจังหน้าแบบรมดำพร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่, ล้ออัลลอย TRD 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, หลังคาแบบสปอร์ต Black Top เคลือบฟิล์มดำ, สคัฟเพลทพร้อมไฟเรืองแสงสัญลักษณ์ TRD, กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ TRD Sportivo พร้อมแถบโครเมียมประตูท้ายรมดำ, ท่อไอเสียสแตนเลส TRD ดีไซน์สปอร์ต, สัญลักษณ์รุ่น TRD Sportivo, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟสัญลักษณ์ TRD
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งเพิ่มเติม เช่น ภายในสีดำแดงสไตล์สปอร์ต วัสดุหนังสีดำสลับแดง พร้อมชุดแต่งลายเคฟลาร์ และแถบโครเมียมรมดำ, เบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำสลับแดงพร้อมเดินด้ายแดง สไตล์สปอร์ต, มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron ดีไซน์ใหม่ ด้วยลายเคฟลาร์ และไฟแสดงผลสีแดง, ชุดเครื่องเสียง Premium Audio พาวเวอร์แอมป์ และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง, ระบบนำทาง (Navigator) รองรับ T-Connect พร้อมเครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อ Bluetooth และกล้องมองหลัง, ปุ่ม Push Start พร้อมสัญลักษณ์ TRD และกุญแจ Smart Key พร้อมสัญลักษณ์ TRD ตอบรับทุกการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที
Isuzu MU-X Blue Power 3.0 Ddi ใช้ขุมพลัง "บลูเพาเวอร์" นวัตกรรมเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคต ที่ทำงานเงียบ ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมปลดปล่อยพละกำลังอย่างราบรื่น และทันท่วงทีในทุกช่วงความเร็ว ขับเคลื่อนเต็มพลังกว่ากับรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานรวดเร็ว นุ่มนวลพร้อมโหมด REV Tronic เลือกเปลี่ยนเกียร์เอง
Mitsubishi Pajero Sport 4WD GT Premium
Mitsubishi Pajero Sport 4WD GT Premium ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ รหัส 4N15 MIVEC คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีดที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมสปอร์ตโหมดและทำงานควบคู่กับระบบตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติ เมื่อเหยียบเบรก (INC : Idle Neutral Control) และระบบ G-Sensor จึงประหยัดน้ำมันขึ้น 17% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีระบบ Super Select 4WD–II เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิที่สมบูรณ์แบบ ด้วยโหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรดที่สามารถเลือกรูปแบบการส่งกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะกับสภาพพื้นผิวและเส้นทางในการขับขี่ได้มากถึง 4 รูปแบบ รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control System)