ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที
กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

  • โทรศัพท์มือถือ
  • โทรศัพท์มือถือ
  • ค้นหาแบบละเอียด
  • ครบรอบ 10 ปี Samsung Galaxy S Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ครองอันดับ 1 ตลอดกาล

    18 ม.ค. 62 6,111

    ครบรอบ 10 ปี Samsung Galaxy S Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ครองอันดับ 1 ตลอดกาล

    Samsung Galaxy S Series ชื่อนี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักครับ เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ของโลก "ซัมซุง" ที่ปีนี้จะครบรอบ 10 ปี แบบพอดิบพอดี การมาของ Samsung Galaxy S Series เป็นการเปิดฉากการสู้รบอันยาวนานกับคู่แข่งอันยิ่งใหญ่อย่าง Apple ในวันนี้เราจะพาไปย้อนอดีตอันน่าจดจำของ Samsung Galaxy S Series ว่ามีความเป็นมายังไงบ้าง ถึงทำให้ซัมซุงกลายมาเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งจนถึงทุกวันนี้ (จะพูดถึงแต่รุ่นหลักๆเท่านั้นนะครับ)

    Samsung Galaxy S

    Samsung Galaxy S เปิดตัวในปี 2010 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นแรกของ ซัมซุง ที่ใช้ชื่อรหัสนี้ โดยรหัส S นั้นมาจากคำว่า Super เพื่อสื่อถึงความเป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนนั่นเอง ในตอนนั้นได้รับคำชมเยอะมากครับ ทั้งในเรื่องหน้าจอ และคุณภาพเสียง สเปครองรับ 3G HSPA 7.2/5.76 Mbps, มีความบาง 9.9 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 pixels (233 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass, ทำงานบน Android 2.1 Eclair, ชิปเซ็ต Hummingbird, CPU 1.0 GHz Cortex-A8, GPU PowerVR SGX540, RAM 512MB, ROM 8GB และ 16GB รองรับ MicroSD 32GB, Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 3.0, microUSB 2.0, GPS, เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass, กล้องความละเอียด 5MP รองรับ AF, กล้องหน้าความละเอียด VGA, บันทึกวีดีโอ HD 720P 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 1,500 mAh

    Samsung Galaxy S II

    Samsung Galaxy S II เปิดตัวในปี 2011 เป็นสมาร์ทโฟนที่ทำให้ชื่อของ Samsung Galaxy S Series แจ้งเกิดอย่างแท้จริง ด้วยยอดขายแบบพุ่งกระฉูด กระแสแรงจนมีการต่อแถวคิวยาวอย่างน่าทึ่งในงาน Mobile Expo ด้วยตัวเครื่องมาพร้อมกับสเปคที่สูงมาก แต่ราคาไม่แพง (เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมฝั่ง Android ในเวลานั้นอย่าง HTC) แถมยังมีโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ทำให้ Samsung Galaxy S II เกิดกระแสความนิยมอย่างมาก รุ่นนี้สเปครองรับ 3G HSPA 21.1/5.76 Mbps, มีความบาง 8.5 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 pixels (217 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass, ทำงานบน Android 2.3.4 Gingerbread, ชิปเซ็ต Exynos 4210 Dual, CPU Dual-core 1.2 GHz Cortex-A9, GPU Mali-400MP4, RAM 1GB, ROM 16GB และ 32GB รองรับ MicroSD 32GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 3.0, NFC, microUSB 2.0, GPS, เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, กล้องความละเอียด 8MP F2.6 รองรับ AF, กล้องหน้าความละเอียด 2MP, บันทึกวีดีโอ Full HD 1080P 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 1,650 mAh
    Samsung Galaxy S III เปิดตัวในปี 2012 ในเวลานั้นมันเป็นโทรศัพท์มือถือที่สวยสมบูรณ์แบบมากๆ แม้ยังมีคนบ่นในเรื่องของวัสดุ แต่ก็ต้องบอกว่าดีไซน์รุ่นนี้ช่วยยกระดับสมาร์ทโฟนของซัมซุงอย่างแท้จริงๆ มีหลายแบรนด์นำไหปเป็นแรงบัลดาลใจเยอะมากเลยครับ ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามในเรื่องของดีไซน์ ในส่วนของสเปครองรับ 3G HSPA 21.1/5.76 Mbps, มีความบาง 8.6 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด HD 720P 720 x 1280 pixels (306 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass 2, ทำงานบน Android 4.0.4 Ice Cream Sandwich, ชิปเซ็ต Exynos 4412 Quad, CPU Quad-core 1.4 GHz Cortex-A9, GPU Mali-400MP4, RAM 1GB, ROM 16GB, 32GB และ 64GB รองรับ MicroSD 64GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 4.0, NFC, microUSB 2.0, GPS, เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, กล้องความละเอียด 8MP F2.6 รองรับ AF, กล้องหน้าความละเอียด 1.9MP F2.6, บันทึกวีดีโอ HD 720P 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 2,100 mAh
    Samsung Galaxy S4 เปิดตัวในปี 2013 เป็นสมาร์ทโฟนตระกูล S รุ่นแรกที่เปลี่ยนจากเลขโรมันมาใช้เลขอารบิก มีดีไซน์ที่ต่อยอดมาจากรุ่นที่แล้ว โดยในปีนั้นได้เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มียอดขายดีที่สุดในโลกแบบทิ้งห่างจากคู่แข่ง (แม้แต่ iPhone ก็ยังสู้ไม่ได้) และเป็นครั้งแรกที่รองรับ 4G LTE สำหรับตระกูลนี้ด้วยครับ สำหรับด้านสเปคมาพร้อมหน้าจอความละเอียด Full HD ขนาดใหญ่ สเปครองรับ 4G LTE Cat3 100/50 Mbps, มีความบาง 7.9 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (441 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass 3, ทำงานบน Android 4.2.2 Jelly Bean, ชิปเซ็ต Exynos 5410 Octa, CPU Octa-core (4x1.6 GHz Cortex-A15 & 4x1.2 GHz Cortex-A7), GPU PowerVR SGX544MP3, RAM 2GB, ROM 16GB, 32GB และ 64GB รองรับ MicroSD 64GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0, NFC, Infrared port, microUSB 2.0, GPS, เซนเซอร์ Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, temperature, humidity, gesture, กล้องความละเอียด 13MP F2.2 รองรับ AF, กล้องหน้าความละเอียด 2MP F2.4, บันทึกวีดีโอ Full HD 1080P 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 2,600 mAh รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi wireless charging
    Samsung Galaxy S5 เปิดตัวในปี 2014 ในปีที่ ซัมซุง มาในธีมรักสุขภาพครับ เน้นทีมสปอร์ทแนวนักกีฬา โทนสีสดใส แต่ดีไซน์โดยรวมกลับไม่ค่อยโดนใจแฟนๆ เท่าที่ควร ด้วยฝาหลังลายจุดที่ถูกแซวว่าเหมือนพลาสเตอร์ยา แถมคุณภาพวัสดุที่เลือกใช้ยังดูไม่ค่อยสมราคาสมาร์ทโฟนเรือธง แต่ก็ยังคงเป็นอีกรุ่นที่ได้ความยอดนิยม และยังเป็นรุ่นแรกที่กันน้ำและมาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่จะมีในสมาร์ทโฟนทุกรุ่นของซีรี่ย์นี้ต่อมา ด้านสเปครองรับ 4G LTE-A Cat4 150/50 Mbps, มีความบาง 8.1 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P 1080 x 1920 pixels (432 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass 3, ทำงานบน Android 4.4.2 KitKat, ชิปเซ็ต Exynos Octa 5420, CPU Octa-core 1.9GHz, GPU Mali-T628 MP6, RAM 2GB, ROM 16GB, 32GB รองรับ MicroSD 256GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0, NFC, Infrared port, microUSB 3.0, GPS, เซนเซอร์ Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, gesture, heart rate, กล้องความละเอียด 16MP F2.2 รองรับ PDAF, กล้องหน้าความละเอียด 2MP F2.4, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 2,800 mAh รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP67

    Samsung Galaxy S6 Series

    Samsung Galaxy S6 Series เปิดตัวในปี 2015 ในปีนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ซัมซุงจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล S มากกว่าหนึ่งรุ่น โดยจะมี Samsung Galaxy S6, Samsung Galaxy S6 Edge และ Samsung Galaxy S6 Edge+ และเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงเลือกจะละทิ้งตัวเครื่องแบบพลาสติกที่ใช้มานาน โดยหันมาใช้โลหะและกระจกที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่สวยงามมากๆ เหมือนเป็นการชดเชยจากความผิดพลาดของรุ่นที่แล้ว โดยความพิเศษของ Samsung Galaxy S6 Series ก็คือในรุ่น Galaxy S6 Edge และ Galaxy S6 Edge+ มาพร้อมหน้าจอโค้งที่กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนในอนาคตต่อมา แถมความละเอียดยังเป็นครั้งแรกที่ใช้หน้าจอ QHD (2K อีกด้วย) พร้อมกับยกระดับเรื่องกล้องถ่ายภาพด้วยคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งในตลาด ณ ช่วงเวลานั้น สามารถถ่ายภาพเวลากลางคืนได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมกับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่เริ่มมีบริการ Samsung Pay อีกด้วย
    ด้านสเปคของ Samsung Galaxy S6 รองรับ 4G LTE-A Cat6 300/50 Mbps, มีความบาง 6.8 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels (577 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass 4, ทำงานบน Android 5.0.2 Lollipop, ชิปเซ็ต Exynos 7420 Octa, CPU Octa-core (4x2.1 GHz Cortex-A57 & 4x1.5 GHz Cortex-A53), GPU Mali-T760MP8, RAM 3GB, ROM 32GB, 64GB และ 128GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1, NFC, Infrared port, microUSB 2.0, GPS, เซ็นเซอร์ Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, กล้องความละเอียด 16MP F1.9 รองรับ PDAF, ระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้าความละเอียด 5MP F1.9, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 2,550 mAh รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi/PMA wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP67
    ส่วนทางด้าน Samsung Galaxy S6 Edge มาพร้อมดีไซน์หน้าจอโค้ง รองรับ LTE-A Cat6 300/50 Mbps, มีความบาง 7 มม., หน้าจอโค้ง Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels (577 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass 4, ทำงานบน Android 5.0.2 Lollipop, ชิปเซ็ต Exynos 7420 Octa, CPU Octa-core (4x2.1 GHz Cortex-A57 & 4x1.5 GHz Cortex-A53), GPU Mali-T760MP8, RAM 3GB, ROM 32GB, 64GB และ 128GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1, NFC, Infrared port, microUSB 2.0, GPS, เซ็นเซอร์ Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, กล้องความละเอียด 16MP F1.9 รองรับ PDAF, ระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้าความละเอียด 5MP F1.9, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 2,600 mAh รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi/PMA wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP67
    ขณะที่ Samsung Galaxy S6 Edge+  มีจุดแตกต่างอยู่ที่หน้าจอโค้งขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels (518 ppi), RAM 4GB, ROM 32GB และ 64GB, แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh

    Samsung Galaxy S7 Series

    Samsung Galaxy S7 และ Samsung Galaxy S7 Edge เปิดตัวในปี 2016 ยังคงสานต่อความสำเร็จครับ โดยพัฒนาในเรื่องของรายละเอียดหน้าจอ และสเปคให้ดีขึ้น รวมทั้งที่โดดเด่นมากๆ คือในเรื่องของกล้องที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม เป็นครั้งที่เอาเทคโนโลยี Dual Pixel PDAF มาใช้ในสมาร์ทโฟน และขยับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นมาเป็น IP68 และเป็นครั้งแรกกับเทคโนโลยี Always-on display แถมยังเป็นครั้งแรกที่รองรับชาร์จเร็วอีกด้วย Quick Charge 2.0 และยังคงใช้มาตรฐานนี้มาจนถึงปัจจุบัน (เคยพัฒนาไปใช้ Quick Charge 3.0 ใน Samsung Galaxy Note 7 แต่ประสบปัญหา จึงได้ยกเลิกไปครับ)
    ด้านสเปค Samsung Galaxy S7 รองรับ 4G LTE-A (3CA) Cat9 450/50 Mbps, มีความบาง 7.9 มม., หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels (577 ppi), รองรับ Always-on display, กระจก Corning Gorilla Glass 4, ทำงานบน Android 6.0 Marshmallow, ชิปเซ็ต Exynos 8890 Octa, CPU Octa-core (4x2.3 GHz Mongoose & 4x1.6 GHz Cortex-A53), GPU Mali-T880 MP12, RAM 4GB, ROM 32GB, 64GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC, microUSB 2.0, GPS, เซ็นเซอร์ Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, กล้องความละเอียด 12MP F1.7 รองรับ Dual Pixel PDAF, ระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้าความละเอียด 5MP F1.7, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0, รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi/PMA wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68
    ขณะที่ Samsung Galaxy S7 Edge สมาร์ทโฟนหน้าจอโค้ง รองรับ 4G LTE-A (3CA) Cat9 450/50 Mbps, มีความบาง 7.7 มม., หน้าจอโค้ง Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 pixels (534 ppi), รองรับ Always-on display, กระจก Corning Gorilla Glass 4, ทำงานบน Android 6.0 Marshmallow, ชิปเซ็ต Exynos 8890 Octa, CPU Octa-core (4x2.3 GHz Mongoose & 4x1.6 GHz Cortex-A53), GPU Mali-T880 MP12, RAM 4GB, ROM 32GB, 64GB และ 128GB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC, microUSB 2.0, GPS, เซ็นเซอร์ Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, กล้องความละเอียด 12MP F1.7 รองรับ Dual Pixel PDAF, ระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้าความละเอียด 5MP F1.7, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 3,600 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0, รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi/PMA wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68

    Samsung Galaxy S8 Series

    Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8 Plus เปิดตัวในปี 2017 เป็นครั้งแรกที่ทาง ซัมซุง เลิกใช้ชื่อ Edge เปลี่ยนมาใช้ Plus แทนครับ เพราะทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอโค้งทั้งคู่ ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ และแบตเตอรี่ ที่พิเศษมากๆ คือเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงผลิตสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบ และเป็นครั้งแรกสำหรับ 3D Touch บนหน้าจออีกด้วย แถมฟีเจอร์สแกนม่านตา Iris scanner ก็มีในรุ่นนี้ เรียกได้ว่าความนิยมสูงมากๆ เป็นรุ่นยอดนิยมประจำปี 2017 เลยก็ว่าได้ครับ
    Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8 Plus มาพร้อมดีไซน์หน้าจอในแบบไร้ขอบ สำหรับ Samsung Galaxy S8 จะมาพร้อม 4G LTE-A (3CA) Cat16 1024/150 Mbps, มีความบาง 8 มม. หน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 5.8 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2960 pixels, กระจก Corning Gorilla Glass 5, 3D Touch เฉพาะบนปุ่มเสมือน, รองรับ Always-on display, ชิปเซ็ต Exynos 8895 Octa, RAM 4GB, ROM 64GB รองรับ MicroSD, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC, USB Type-C 3.1, GPS, เซ็นเซอร์ Iris scanner, fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, กล้องความละเอียด 12MP F1.7, Dual Pixel PDAF, ระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้าความละเอียด 8MP F1.7, AF, บันทึกวีดีโอ 4K 30FPS, แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0, รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi/PMA wireless charging, รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68
    Samsung Galaxy S8 Plus มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่กว่าอยู่ที่ 6.2 นิ้ว ความละเอียดเท่ากัน มีความบางอยู่ที่ 8.1 นิ้ว และแบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh นอกนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลยครับ นอกจากนี้การเปิดตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถเรียกเสียงเฮได้อย่างยิ่งใหญ่ก็คือ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8 Plus จะมาพร้อมหูฟังของ AKG by Harman อีกด้วย

    Samsung Galaxy S9 Series

    Samsung Galaxy S9 และ Samsung Galaxy S9 Plus เปิดตัวมาในปี 2018 เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่นที่แล้ว แต่ด้วยดีไซน์ที่คล้ายเดิมมากๆ ทำให้หลายคนแอบรู้สึกว่ามันออกจะเดิมๆ มากไป แต่ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่สวยงามให้ความหรูหราพรีเมี่ยมมากๆ ยังมาพร้อมกล้องคู่คุณภาพสูง ฟีเจอร์สุดโดดเด่น Dual Aperture สามารถปรับรูรับแสงได้อัตโนมัติ F1.5, F2.4 ได้โดยอัตโนมัติ และเทคโนโลยี Super Speed Dual Pixel และสามารถถ่ายวีดีโอแบบสโลวโมชั่น 960 FPS บนความละเอียด HD 720P และยังสนุกกับ AR Emoji นอกจากนี้เป็นครั้งแรกกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ที่นอกจากบนสมาร์ทโฟนแล้ว ในปีนี้ 2019 ซัมซุงจะนำไปใส่กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อีกด้วย (ในงาน Samsung Consumer Electronic Conference ที่ผ่านมา มีการประกาศว่าจะรองรับภาษาไทยอีกด้วย)
    Samsung Galaxy S9 และ Samsung Galaxy S9 Plus มาพร้อม ชิปเซ็ต Exynos 9810, เซ็นเซอร์ Iris scanner, fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth5.0, NFC, USB Type-C 3.1, GPS, ลำโพงคู่สเตอริโอ ที่ปรับจูนเสียงโดย AKG รองรับระบบเสียง Dolby Atmos, กล้องหน้าความละเอียด 8MP F1.7, บันทึกวีดีโอความละเอียด 4K 30FPS, 1080P 60FPS, Super Slow-mo 720P 960FPS, รองรับ Fast battery charging และ Qi wireless charging
    จุดที่แตกต่าง
    • Samsung Galaxy S9 จะมาพร้อมหน้าจอโค้ง Infinity Display ชนิด Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว อัตราส่วน 18.5:9 ความละเอียด 1440 x 2960 pixels (QHD+), กระจกหน้าจอ และกระจกฝาหลัง Corning Gorilla Glass 5, กล้องความละเอียด 12MP F1.5, F2.4 เลนส์มุมกว้าง 26 มม. รองรับเทคโนโลยี Super Speed Dual Pixel, PDAF, ระบบกันสั่น OIS, แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
    •  Samsung Galaxy S9 Plus หน้าจอโค้ง Infinity Display ชนิด Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 18.5:9 ความละเอียด 1440 x 2960 pixels (QHD+), กระจกหน้าจอ และกระจกฝาหลัง Corning Gorilla Glass 5, กล้องคู่คุณภาพสูง 12MP F1.5, F2.4 26 มม. + 12MP F2.4 52 มม. สามารถปรับรูรับแสงได้อัตโนมัติ F1.5, F2.4, Dual Aperture lens ช่วยในการเพิ่มความสว่าง ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม, รองรับเทคโนโลยี Super Speed Dual Pixel, PDAF, ระบบกันสั่น OIS, แบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh

    Samsung Galaxy S10 Series

    Samsung Galaxy S10 Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ของ ซัมซุง จากข้อมูลที่มีออกมาในตอนนี้ อาจจะมีให้เลือกซื้อถึง 4 รุ่นย่อยเลยทีเดียวครับ ได้แก่ Samsung Galaxy S10 Lite, Samsung Galaxy S10, Samsung Galaxy S10 Plus, Samsung Galaxy S10 5G ยังไม่นับรวมข่าวลือที่ว่านอกจาก Samsung Galaxy S10 Series แล้วอาจจะมีรุ่นพิเศษอื่นๆ ออกมาอีกด้วย ที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ซึ่งน่าจะเปิดตัวในวันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย อย่างแน่นอนครับ

    ภาพหลุดจาก @Onleak ที่คาดว่าจะเป็น Samsung Galaxy S10 5G
    Samsung Galaxy S10 Lite, Samsung Galaxy S10, Samsung Galaxy S10 Plus, Samsung Galaxy S10 5G จากข้อมูลจะมาพร้อมหน้าจอแบบเจาะรู (Punch Display) ซึ่งเป็นแฟชั่นหน้าจอของปี 2019 จริงๆ สมาร์ทโฟนแทบจะทุกแบรนด์จะเปิดตัวมาด้วยหน้าจอลักษณะนี้ โดยจะมาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 9820 รวมทั้งกล้องคู่ 3 ตัว และ 4 ตัว โดยในรุ่นท็อปจะมีขนาดหน้าจอถึง 6.7 นิ้ว และมีกล้องหน้าคู่อีกด้วย แถมยังเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมเซรามิก ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นจริงขนาดไหน ต้องรอชมกันในงานเปิดตัว ที่ใกล้จะถึงนี้ครับ

    Samsung Galaxy S Series คำนิยามแห่งความสำเร็จ ที่ไม่หยุดยั้ง

    เมื่อมองย้อนไปในอดีตจะเห็นว่า Samsung Galaxy S Series เป็นตำนานของสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน การครบรอบ 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและชวนให้ระลึกถึง ผมเชื่อว่า Samsung Galaxy S10 Series ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะต้องน่าประทับใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นการครบรอบสมาร์ทโฟนที่สร้างชื่อเสียงให้กับซัมซุงเป็นอย่างมาก รวมทั้งเป็นตัวแทนแห่งความยอดเยี่ยมของสมาร์ทโฟนระบบ Android  มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีคู่แข่งมากมาย ซึ่งทำให้มนต์ขลังของ Galaxy S ดูแผ่วจางลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ซัมซุงจะคงความยอดเยี่ยม และน่าหลงไหลของสมาร์ทโฟนตระกูลนี้ต่อไปได้แน่นอนเลยครับ เรามาชมไปพร้อมๆ กัน วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2019 ห้ามพลาดเลยนะครับ
    • ธีระ อังรัตนันท์
    • ธีระ อังรัตนันท์
      MOBILE GURU Thailand

    บทความล่าสุดอื่นๆ

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)