ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที
กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

  • บ้านโครงการใหม่
  • บ้านโครงการใหม่
  • ค้นหาแบบละเอียด
  • "LPN Wisdom" ชี้ 3 Mega Trends ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลังโควิด-19

    23 มิ.ย. 63 478
    "LPN Wisdom" ชี้ 3 Mega Trends ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลังโควิด-19
    บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด หรือ LPN Wisdom ระบุการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลังการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก (3 Mega Trends) ในเรื่อง สุขภาพ (Wellness) การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล (Work-Life Balance) และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการใช้ชีวิต (Virtual Livable Connect)
    นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทด้านการวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะการอยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขอนามัย (Wellness) และรูปแบบการทำงานที่ต้องการความสมดุลในการใช้ชีวิต (Work-Life Balance) ปรับเปลี่ยนจากการทำงานที่สำนักงาน ไปสู่การทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือการทำงานในที่อื่นๆ ในแบบ Anytime Anywhere ในขณะที่รูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตในปัจจุบันผู้บริโภคสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Livable Connect) มาตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากขึ้นผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภค จนกลายเป็นวิถีปกติใหม่ (New Normal) ในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน
    รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยสำคัญที่เราเรียกว่า 3 Mega Trends ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งประกอบด้วย การให้ความสำคัญในเรื่องของสุขอนามัย (Wellness) ซึ่งเป็นเรื่องที่มาพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การออกแบบที่อยู่อาศัยและการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต้องคำนึงถึงเรื่องของสภาพแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย ลดการสัมผัส (Touchless) ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทั้งในพื้นที่โครงการที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ เป็นโจทย์ใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและในอนาคต
    นอกจากเรื่องของสุขอนามัยที่เป็นโจทย์หลักของผู้บริโภคในปัจจุบันแล้ว การออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่สร้างสมดุลให้กับการใช้ชีวิตในรูปแบบของการทำงานและการใช้ชีวิตที่ต้องดำเนินไปอย่างสมดุล (Work-Life Balance) ทำให้การออกแบบที่อยู่อาศัยต้องคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ที่ลงตัวตอบทุกโจทย์ของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัยในแนวราบ หรืออาคารชุดที่มีขนาดเล็ก ต้องมีการจัดฟังก์ชันการใช้งานที่มีความหลากหลายและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน (Multi-Function) เพื่อรองรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานที่บ้านได้ การเว้นระยะห่างในพื้นที่ส่วนกลาง การปรับเปลี่ยนแนวคิดจากสังคมแบ่งปันในรูปแบบของ Co-Working Space มาสู่แนวคิดการใช้พื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบของ Co-Separate Space เป็นการใช้พื้นที่ร่วมกันแบบมีระยะห่าง ทำให้การออกแบบการใช้พื้นที่ส่วนกลางในโครงการทั้งแนวราบและอาคารชุดต้องเปลี่ยนแนวคิดในการออกแบบเช่นเดียวกับการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Livable Connect) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการ ตอบโจทย์กับแนวคิดการใช้ชีวิตวิถีปกติใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
    แนวทางการออกแบบที่ตอบโจทย์ Mega Trend ที่กำลังเกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องนำเอาแนวคิดในการออกแบบที่เรียกว่า การออกแบบเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development Design) เป็นแนวคิดของการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานอาคารอย่างยั่งยืน โดยการออกแบบคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุ การใช้พลังงานและทรัพยากรของอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกหรือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในอากาศ รวมถึงเรื่องของการประหยัดพลังงาน การใช้ทรัพยากรน้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ อย่างประหยัด เพื่อตอบโจทย์กับการสร้างสุขอนามัยที่ดีในการอยู่อาศัยทั้งในรูปแบบของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) เกณฑ์อาคารเขียวของ US Green Building Council และ TREES (Thai's Rating of Energy and Environmental Sustainability ) ของสถาบันอาคารเขียวไทย
    การออกแบบภายใต้แนวคิดเพื่อความยั่งยืน ต้องอาศัยเทคโนโลยีในการออกแบบที่มีประสิทธิภาพอย่าง Building Information Modeling หรือ BIM ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการออกแบบที่มีประสิทธิภาพในการบริหารการออกแบบและการก่อสร้างโครงการโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม การจัดฟังก์ชันการใช้งาน รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีการอยู่อาศัยเข้าไปใช้ในการออกแบบเพื่อตอบโจทย์กับรูปแบบการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงสุขภาพและสภาพแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
    แนวโน้มดังกล่าว ทำให้ความต้องการที่ปรึกษาและนักออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการออกแบบเพื่อความยั่งยืน มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจของ LPN Wisdom ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านวิจัยและที่ปรึกษาด้านการออกแบบเพื่อความยั่งยืน ในการให้คำปรึกษาและแนะนำด้านการออกแบบให้กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
    ปัจจุบันบริษัทเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบอาคารเขียวภายใต้เกณฑ์ LEED ให้กับโครงการต่างๆ ทั้งในเครือของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่นๆ เช่น อาคารสำนักงาน PUNN ของ บริษัท ดลสิริ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)) และเป็นที่ปรึกษาด้านอาคารเขียวภายใต้เกณฑ์ TREES ให้กับโครงการ ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี-จตุจักร ของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของผู้ประกอบการอื่นๆ นอกเหนือจากบริษัทในเครือของ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
    นอกจากงานที่ปรึกษาด้านการออกแบบอาคารเขียวแล้ว บริษัทยังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายบริษัทที่ต้องการปรับใช้ระบบ Building information modeling เพื่อใช้ในการทำงาน โดยให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การจัดทำ BIM platform, มาตรฐานและคู่มือการใช้ BIM ขององค์กร, การจัดตั้งฝ่าย BIM ไปจนถึงการใช้ BIM เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ตามเป้าหมายของเจ้าของโครงการ
    ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ประเทศไทยมีอาคารที่ได้รับ LEED Certification จาก US Green Building Council ทั้งสิ้น 171 อาคาร และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 85 อาคาร ในขณะเดียวกันมีอาคารที่ได้รับ TREES Certification จาก สถาบันอาคารเขียวไทย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ทั้งสิ้น 63 อาคาร และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 55 อาคาร
    "ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มีความต้องการที่ปรึกษาในการออกแบบโครงการทั้งในเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Design) รวมถึงเทคโนโลยีการออกแบบที่มีประสิทธิภาพอย่าง BIM จึงเป็นโอกาสของบริษัทที่มีองค์ความรู้และบุคลากรในด้านนี้ ในการให้คำแนะนำและให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการในการพัฒนาโครงการทั้งในเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึง สุขภาพ (Wellness) การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล (Work-Life Balance) และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการใช้ชีวิต (Virtual Livable Connect)" 
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LPN Call Center โทร.02-689-6888 หรือ www.baanlumpini.com

    แท็กที่เกี่ยวข้อง :

    ข่าว-โปรโมชั่นล่าสุดอื่นๆ

      • ศุภาลัย เออร์บานา บางนา - วงแหวน (Supalai Urbana  Bangna Ring Road ) ... Live your life and having Fun
      • ให้คุณได้ใช้ชีวิตสนุกทุกวัน อิสระบนพื้นที่ความสุขกว้าง กับทาวน์โฮม และบ้านแฝด 3 ชั้น ที่สรรสร้างมาอย่างลงตัว เพื่อให้คุณได้ใช้ทุกพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า บนทำเลศักยภาพโซนบางนา-ตราด เชื่อมต่อทั้ง ถ.กิ่งแก้ว และ ถ.วงแหวนรอบนอก สะดวกทุกการเดินทางสู่ใจกลางแหล่งธุรกิจ ใกล้ทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า Airport Rail Link และ LRT บางนา-สุวรรณภูมิ (ในอนาคต) รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และแหล่งช้อปปิ้งครบครัน
        20 ก.ค. 63 2,971
      • ควอลิเทีย ลิฟวิ่ง ควอลิเทีย สุขุมวิท 62 (Qualitia Sukhumvit 62)
      • ควอลิเทีย ลิฟวิ่ง เปิดตัวทาวน์โฮมโครงการใหม่ ควอลิเทีย สุขุมวิท 62 (Qualitia Sukhumvit 62) พรีเมี่ยม ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอยกว่า 280 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พร้อม Extra Space ที่จอดรถ 2-5 คัน บนทำเลที่ดีที่สุดของสุขุมวิท เพียง 200 เมตร จากรถไฟฟ้า สถานีบางจาก
        31 มี.ค. 63 2,568
      • บ้านพันนา เอกมัย - รามอินทรา เฟส 2 (Baan Panna Ekkamai-Ramindra Phase 2) โฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ติด Central Festival East Ville
      • บ้านพันนา เอกมัย-รามอินทรา เฟส 2 โฮมออฟฟิศ 5 ชั้นโครงการใหม่จาก พันนาลิฟวิ่ง ตั้งอยู่บนทำเลดี ใจกลางเมือง เพียง 0 เมตรจาก Central Festival East Ville Home Office 5 ชั้น หน้ากว้าง 12.5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 130.80-137.90 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 679 ตร.ม. รองรับพื้นที่จอดรถสูงสุด 11 คัน เดินทางสะดวก เข้า - ออกได้หลายช่องทาง ใกล้ทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ สัมผัสความเป็นส่วนตัวทุกยูนิต ระบบรักษาความปลอดภัยได้มาตรฐานผ่านระบบ Home Automation สามารถปรับออกแบบอาคารได้อย่างยืดหยุ่น
        11 มี.ค. 63 2,769
      • อัลติจูด พรูฟ สาทร (Altitude Prove Sathorn) โฮมออฟฟิศติดถนน บนแยก สาทร-สุรศักดิ์
      • อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดตัวโฮมออฟฟิศโครงการใหม่ "อัลติจูด พรูฟ สาทร (Altitude Prove Sathorn)" โฮมออฟฟิศติดถนน บนแยกสาทร-สุรศักดิ์ มีพื้นที่ใช้สอย 849.56 - 956.74 ตร.ม. เนื้อที่บ้าน 55 - 61 ตร.ว. บนพื้นที่โครงการ 235.5 ตร.ว. ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสุรศักดิ์ และทางด่วนบนทำเลสาทร พร้อมเทคโนโลยีรองรับแผ่นดินไหว ระบบท่อน้ำสุขาภิบาล ระบบกันขโมย ที่มี Access Control Face Recognize ระบบไฟฟ้า สื่อสาร ออกแบบรองรับการใช้งานสำหรับสำนักงานในอนาคต พร้อมกระจกนิรภัย ลดความร้อน และUV
        1 ก.ย. 63 2,475

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)