"ไรฝุ่น" ศัตรูตัวร้ายในห้องนอน!! Tips ดีๆ ดูแลห้องนอนในบ้านให้เป็นมิตรกับสุขภาพ
"ห้องนอน" เป็นมุมส่วนตัวที่เราใช้ชีวิตพักผ่อนมากที่สุด และแน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนที่ดีนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลดีต่อตัวเราก็คือเรื่อง "ความสะอาด" ค่ะ ห้องนอนควรเป็นสถานที่ที่สะอาด ปราศจากฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรก ยิ่งห้องสกปรกและมีฝุ่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นบ้านอันแสนอบอุ่นของ "ไรฝุ่น" ศัตรูตัวร้ายที่เป็นตัวก่อโรคต่างๆ วันนี้ Checkraka.com มีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือกของใช้ภายในห้องนอน รวมถึงวิธีป้องกันไรฝุ่น ตัวการที่อาศัยอยู่ในห้องนอนซึ่งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้มาฝากกันค่ะ
ทำความสะอาดห้องนอนอย่างไร ? ให้ถูกสุขลักษณะ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าห้องนอนควรเป็นห้องที่สะอาด ปราศจากความสกปรกมากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของเรา การทำความสะอาดห้องนอนเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เดี๋ยวเรามา "แบ่งช่วงเวลา" ในการทำความสะอาดห้องนอนกันดีกว่านะคะ ว่าเราควรเปลี่ยนปลอกหมอนภายในกี่วัน หรือซักผ้าม่านภายในกี่เดือนถึงจะถูกสุขลักษณะมากที่สุด
เลือกของใช้ในห้องอย่างไร...แบบไหนดีที่สุด ?
จริงๆ แล้วผ้าปูที่นอนมีให้เลือกหลายแบบค่ะ เช่น "ผ้าฝ้าย" เนื้อจะนุ่ม ทำความสะอาดง่าย, "ผ้าซาติน" เนื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่นิ่มเย็นสบาย หรืออาจจะเป็น "ผ้าใยไผ่" เนื้อนุ่มนวล มีลวดลายที่เกิดจากธรรมชาติของเส้นใย สามารถต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ดี เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อควรรู้ในการเลือกผ้าปูที่นอน คือควรเลือกผ้าที่ทอแน่นๆ ค่ะ เช่น 210 เส้นด้ายขึ้นไปจะนุ่ม นอนสบายหรือ 300 เส้นด้ายขึ้นไปจะช่วยป้องกันไรฝุ่นได้
ควรเลือกผ้านวมแบบที่มีปลอกจะดีที่สุด เพราะถอดซักทำความสะอาดได้ง่ายกว่าแบบไม่มีปลอก อย่าลืมพิจารณาว่า "ไส้ผ้านวม" ทำมาจากวัสดุแบบไหนด้วยนะคะ ซึ่งทั่วๆ ไปมีอยู่ 2 ชนิดคือพวก "ฝ้ายหรือนุ่น" และ "ใยสังเคราะห์" สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แนะนำให้ใช้ผ้าห่มนวมที่ไส้เป็นใยสังเคราะห์ค่ะ เพราะไม่เก็บฝุ่นและซักทำความสะอาดง่าย
หมอนต้องไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป เวลานอนศีรษะของเราต้องไม่จมบุ๋มลงไปในหมอนมาก หมอนที่ดีควรรองตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงศีรษะค่ะ และหมอนควรคืนรูปได้ทันที ไม่ยุบตัวง่าย ปัจจุบันมีหมอนให้เลือกหลายประเภทเลยค่ะ แนะนำให้เลือกตามความเหมาะสมเฉพาะบุคคลนะคะ ดังต่อไปนี้
ใยสังเคราะห์ : มีทั้งแบบนุ่มฟูและแน่นค่ะ ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามรูปศีรษะ
ยางพารา : มีความยืดหยุ่นมากกว่าหมอนประเภทอื่น อายุการใช้งานนาน ระบายอากาศดี เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจ
ขนเป็ด : จะนุ่มฟูเป็นพิเศษ รองรับน้ำหนักศีรษะได้ตามส่วนโค้งเว้าของศีรษะและต้นคอ เหมาะกับผู้ที่ชอบหมอนนุ่มมากๆ การใช้งานต้องระวังเรื่องการเปียกน้ำนิดนึงนะคะ เพราะจะทำให้เกิดกลิ่น
นุ่น : ราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือทำความสะอาดยากและอาจมีเศษนุ่นหลุดออกมา จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ค่ะ
Memory Foam : วัสดุที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการนอนค่ะ เป็นโพลียูรีเท็นโฟมชนิดยืดหยุ่นชนิดหนึ่งที่พัฒนาการใช้งานโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ช่วยรองรับแรงกดทับของศีรษะและต้นคอทุกการเคลื่อนไหว ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก ไม่เป็นเหน็บชา เนื้อค่อนข้างนุ่มเป็นพิเศษ
ผ้าม่านในห้องนอนนั้นควรติดตั้งประเภทที่ถอดทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ เป็นผ้าชนิดที่ไม่อมฝุ่นจะดีที่สุด อาจเลือกเป็น "มู่ลี่" แทนก็ได้ค่ะ เพราะมู่ลี่ไม่อมฝุ่น แต่จะกันแสงแดดได้ไม่ดีเท่าผ้าม่าน สำหรับผ้าม่านจริงๆ แล้วก็มีให้เลือกหลายรูปแบบหลายวัสดุค่ะ เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับผ้าม่านแต่ละประเภทใหญ่ๆ ว่ามีจุดเด่นอย่างไร เพื่อจะได้นำไปใช้กับห้องนอนของเราอย่างเหมาะสมที่สุดกันค่ะ
ม่านที่ทำจากวัสดุที่เป็นผ้า : ม่านที่ทำจากผ้ายังสามารถแบ่งได้อีกหลายรูปแบบค่ะ เช่น ผ้าม่านจีบ, ผ้าม่านหลุยส์ ฯลฯ ม่านแบบผ้านั้นเหมาะกับการตกแต่งภายในแบบบ้านทุกดีไซน์ หาซื้อได้ง่ายและกันแสงได้ดี แต่ต้องทำความสะอาดบ่อยสักหน่อย ถ้าเป็นผ้าเนื้อหนาๆ แบบผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์แล้วจะยิ่งอมฝุ่น
ม่านที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ : ม่านสังเคราะห์ ทำจากไฟเบอร์, โพลีเอสเตอร์ ฯลฯ กันแดดได้และรับแสงได้เช่นกัน เพราะจะมีความโปร่งแสงค่ะ สามารถเลือกปรับรับแสงมากหรือแสงน้อยได้ตามความต้องการเลย บางชนิดกัน UV ได้ 100% ทำความสะอาดง่ายกว่าแบบม่านแบบผ้าค่ะ
ม่านที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ : ม่านหรือมู่ลี่ชนิดนี้จะเน้นทำจากวัสดุธรรมชาติค่ะ เช่น มู่ลี่ไม่ไผ่, ม่านม้วนไม่ไผ่ ม่านชนิดนี้มีลักษณะโปร่งแสงมากที่สุด โดยจะให้อารมณ์ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าม่านชนิดอื่นๆ ทำความสะอาดง่าย มองเห็นฝุ่นได้ง่าย
"ไรฝุ่น" ศัตรูตัวร้ายในห้องนอน
"ไรฝุ่น" เป็นสัตว์จำพวก "แมง" มี 8 ขา ลักษณะคล้ายแมงมุม, เห็บ, หมัด แต่มีความยาวเพียง 1/100 นิ้ว ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ชอบอยู่ตามเส้นใยมืดๆ อับชื้นๆ ไหนมีความชื้นเกินร้อยละ 60 ที่นั่นมีไรฝุ่นแน่นอน มักอาศัยอยู่ที่เตียงนอน, หมอน, ผ้าห่ม และเฟอร์นิเจอร์อันเป็นแหล่งสะสมของเซลล์ผิวหนังของคนที่หลุดลอกออกมา ซึ่งเป็นอาหารชั้นยอดของไรฝุ่นเลย และยิ่งน่าตกใจก็คือ ไรฝุ่นตัวเมียสามารถตั้งท้องภายใน 1 ชั่วโมงและอีก 3 วันตกไข่ จากนั้นใช้เวลาเพียง 1 เดือนก็เติบโตเป็นไรฝุ่นโตเต็มวัย "มูล" ของไรฝุ่นจะมีโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งไอ้เจ้าโปรตีนตัวนี้แหละที่จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการโรคภูมิแพ้ เช่น ไอ, จาม, คันตา ไปจนถึงระดับรุนแรงคือ หอบหืด จากสถิติพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นมากกว่า 10 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับวิธีการกำจัดไรฝุ่นนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้อยู่เสมอ เน้นอย่างยิ่งเลยก็คือบรรดาเครื่องนอนทั้งหลาย เพียงเท่านั้นก็กำจัดและป้องกันไรฝุ่นได้แล้ว
"ไรฝุ่น" อันตรายสำหรับคนที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วอย่างมากเลยค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากมีเจ้าสัตว์ตัวน้อยนี้อาศัยอยู่ร่วมด้วยในห้องนอน การรักษาความสะอาดเท่านั้นค่ะที่จะช่วยได้ การรักษาความสะอาดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่แบ่งเวลาเพียงน้อยนิดมาใส่ใจเท่านั้น นอกจากจะได้ห้องนอนที่สะอาด ปราศจากไรฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ แล้ว ยังได้สุขภาพดีๆ กลับคืนมาอีกด้วยนะคะ อย่าลืมนำเคล็ดลับง่ายๆ ข้างต้นไปปรับใช้กันดู รับรองว่าห้องนอนและบ้านของคุณจะสะอาดปราศจากไรฝุ่นแน่นอนค่ะ