ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที
กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

  • คอนโดใหม่
  • คอนโดใหม่
  • ค้นหาแบบละเอียด
  • อนันดาฯ แถลงยอดพุ่ง 13,000 ล้าน กางแผนปี 61 ตั้งเป้ายอดโอนเพิ่ม 38,000 ล้าน

    23 ก.พ. 61 4,246
    อนันดาฯ เผยยอดปี 60 พุ่ง 13,000 ล้านบาท กางแผนปี 61 ตั้งเป้ายอดโอนเพิ่ม 38,000 ล้านบาท
    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพประกาศความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจสูงสุด มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น 6% จากปีก่อน ส่งผลให้รายได้เป็นสถิติสูงสุดกว่า 13,000 ล้านบาท พร้อมยอดขายเติบโตกว่า 34,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 39% จากปีก่อน จากการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งทำให้มูลค่าโครงการใหม่สูงสุดเป็นสถิติกว่า 42,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปีก่อน นอกจากนี้ในปี 2560 บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมสูงที่สุดในประเทศ ด้วยการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 11 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 36,600 ล้านบาท 
    พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2561 ตั้งเป้ามียอดโอนเพิ่มขึ้น 152% เป็น 38,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "4 in 4 Roadmap ระยะเวลาแห่งการเติบโตมากกว่า 4 เท่าใน 4 ปี" โดยบริษัทฯ คาดหวังว่ายอดโอนจะเติบโตเกินกว่า 400% จาก 15,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 70,000 ล้านบาท ในปี 2564
    นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จสูงเกินคาดจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ และสามารถสร้างสถิติสูงสุดทั้งการเปิดโครงการใหม่ ยอดขาย และรายได้ โดยมูลค่าโครงการใหม่เป็นสถิติสูงสุดกว่า 42,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปีก่อน พร้อมมียอดขายที่เป็นสถิติสูงสุดในระดับ 34,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 39% จากปีก่อน และรายได้เป็นสถิติสูงสุดในระดับ 12,950 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 6% จากปีก่อน พร้อมทั้งบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อค) กว่า 53,700 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า และเพิ่มขึ้น 30% จากสิ้นปีก่อน
    บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วยรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์ 8,932 ล้านบาท รายได้อื่น 4,018 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากโครงการร่วมทุน และรายได้จากงานก่อสร้างโครงการภายนอกบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,328 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญจากปีก่อน
    ในปี 2560 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 42,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปีก่อน และจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 11 โครงการ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 36,600 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2560 บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมสูงที่สุดในประเทศ
    ในไตรมาส 4 บริษัทฯ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 8,400 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอดีโอ โมบิ พระราม 4 มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าสถานีคลองเตย และเอลลิโอ เดล มอสส์ มูลค่าโครงการกว่า 3,400 ล้านบาท ติดรถไฟฟ้าสถานีเสนานิคม บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 9,800  ล้านบาท ในไตรมาส 4 สูงกว่าเป้าที่วางไว้ที่ระดับกว่า 7,500 ล้านบาท ถึง 31% โดยยอดขายดังกล่าวมาจากความไว้วางใจในแบรนด์และความต้องการซื้อจากลูกค้าที่ดีกว่าคาด
    ในปี 2560 บริษัทฯ ได้ขยายการขายในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจากการขายครั้งแรกในเดือนกันยายน 2556 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขายไปยังต่างประเทศจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการขายถึง 9,775 ล้านบาท ในปี 2560 เพิ่มสูงขึ้นถึง 164% จากปีก่อน พร้อมการขายไปยังลูกค้าใน 38 ประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ ก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ที่มียอดขายต่างประเทศสูงที่สุดในประเทศในปี 2560 ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมในประเทศ และต่างประเทศกว่า 34,900 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7% และยอดขายสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2560 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 53,700 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า และเพิ่มขึ้น 30% จากสิ้นปีก่อน
    นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาวินัยทางการเงิน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต พร้อมดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิซึ่งหักด้วยเงินสดต่อส่วนทุนอยู่ที่ 0.77 :1 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของบริษัทในระดับ 1:1" นายชานนท์ กล่าว
    ในปี 2560 บริษัทฯได้ร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนร่วมกับมิตซุย ฟูโดซัง เพิ่มเติมอีก 6 โครงการมูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 โครงการไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ โครงการเอลลิโอ เดล เนสต์ โครงการไอดีโอ โมบิ รางน้ำ โครงการเอลลิโอ เดล มอสส์ และโครงการคอนโดมิเนียมใกล้พระราม 9 ซึ่งมีมูลค่าโครงการร่วมทุนรวม 21 โครงการกว่า 95,000 ล้านบาท และเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการร่วมทุนมากที่สุดในประเทศ
    บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แสดงให้เห็นการมีวินัยทางการเงินในการรักษาผลกำไรของบริษัทฯ แม้ว่าอยู่ในช่วงของการเติบโต นอกจากนี้กระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์  
    สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ามียอดโอนเติบโตสูงถึง 152% เป็น 38,000 ล้านบาท โดยในปี 2561 บริษัทฯ คาดว่ามีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 9 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2560 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอน 8 โครงการ
    บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2561 จำนวน 16 โครงการ มูลค่ากว่า 35,100 ล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 8 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน 35,100 ล้านบาท จาก 34,900 ล้านบาท ในปี 2560  พร้อมเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับประมาณ 1:1 สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย
    บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าโครงการร่วมทุนเกินกว่า 114,000 ล้านบาท ในปี 2561 จาก 95,000 ล้านบาท ในปี 2560 ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาตำแหน่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าโครงการร่วมทุนสูงที่สุดในประเทศ
    จากการรักษาการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี รวมถึงยังรักษาความมีวินัยด้านต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้ อนันดาฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการออกแบบอาคาร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ทำให้ยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไป ปี 2561 เป็นส่วนหนึ่งของ "4 in 4 Roadmap ระยะเวลาแห่งการเติบโตมากกว่า 4 เท่าใน 4 ปี" โดยบริษัทฯ คาดหวังว่ายอดโอนจะเติบโตเกินกว่า 400% จากระดับกว่า 15,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 70,000 ล้านบาท ในปี 2564 ด้วยผลสำเร็จจากเงินลงทุนภายหลังจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2561 บริษัทฯ คาดว่ามีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 9 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2560 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอน 8 โครงการ
    บริษัทฯ มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งจากการได้รับผลสำรวจจากดัชนีความไว้วางใจในแบรนด์สูงที่สุดสำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในปี 2560 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU-Brand Trust Index in the real estate industry) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งมอบสินค้า และบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า พร้อมรับรู้ได้มายังแบรนด์ของบริษัทฯ อีกด้วย
    ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทเตรียมขออนุมัตินำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็น 12.75 สตางค์ เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเพิ่มเงินปันผลขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท

    ข่าว-โปรโมชั่นล่าสุดอื่นๆ

    คอนโดติดรถไฟฟ้าล่าสุด

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)