Thatcham ปฏิรูปอุตสาหกรรมการประกันภัยรถยนต์
Thatcham ศูนย์วิจัยด้านการซ่อมแซมและประกันภัยยานยนต์ก่อตั้งและได้รับการสนับสนุนงบประมาณโดยสมาคมประกันวินาศภัยแห่งสหราชอาณาจักร Thatcham เริ่มทำการศึกษาวิจัยและนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทสมาชิกและผู้บริโภคตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) กว่า 40 ปีที่เราได้รับความไว้วางใจและยอมรับจากธุรกิจประกันภัยและผู้บริโภคในการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์อย่างแท้จริง
โดยหลักๆ แล้ว Thatcham เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนและโน้มน้าวให้ผู้ผลิตพัฒนาการออกแบบรถยนต์โดยคำนึงถึงวิธีการซ่อมแซมเข้าไปด้วย เราศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางและเครื่องมือให้ธุรกิจประกันภัยนำไปใช้ในการบริหารสินไหมทดแทนในส่วนที่เกี่ยวกับการซ่อมแซม การโจรกรรม และอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผลที่ได้คือธุรกิจประกันภัยลดค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนและควบคุมรายจ่ายภายในองค์กรได้ดีขึ้นซึ่งส่งผลถึงค่าเบี้ยประกัน ผู้ใช้รถและสังคมโดยรวมมีความปลอดภัยทั้งต่อร่างกายและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเพราะรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีห้องโดยสารที่แข็งแรงและระบบป้องกันการโจรกรรมที่ดีขึ้นกว่าเดิม
บริการของ Thatcham เป็นที่รู้จักและยอมรับจากธุรกิจประกันภัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายภูมิภาคทั่วโลก
- ศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อมูล
- ระบบข้อมูล
- ความรู้ด้านการตลาด
- การวิเคราะห์แนวโน้ม
เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดและธุรกิจประกันภัยในหลายๆ ประเทศ Thatcham ขอนำเสนอบริการเฉพาะแก่ธุรกิจประกันภัย ซึ่งท่านสามารถเข้ามามีส่วนร่วมโดยการเป็น
การจัดกลุ่มรถยนต์
ธุรกิจประกันวินาศภัยในสหราชอาณาจักรใช้ระบบการจัดกลุ่มรถยนต์โดยการประเมินความเสี่ยงของรถทุกรุ่นและยี่ห้อก่อนออกสู่ท้องตลาด โดย Thatcham เป็นผู้ดำเนินการทดสอบ/ตรวจสอบ และบริหารจัดการโครงการในนามของสมาคมประกันวินาศภัยแห่งสหราชอาณาจักร
Thatcham ประเมินความเสี่ยงของรถยนต์โดยอาศัยปัจจัยดังนี้
- การประเมินค่าความเสียหาย (ค่าอะไหล่และค่าแรงงาน) โดยเปรียบเทียบกับหลักสากล
- ราคาอะไหล่ตามจำนวนและรายการที่กำหนด (ส่วนใหญ่เป็นอะไหล่ที่ใช้เพื่อความสวยงามและไม่เกี่ยวกับโครงสร้าง เช่น กันชน ไฟ บังโคลน เป็นต้น)
- วิธีการจัดหาอะไหล่
- ระดับของระบบป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ ทั้งตัวรถและทรัพย์สินที่อยู่ในรถ
- ราคาตลาด
- สมรรถนะ
- น้ำหนักรถ
ภายหลังจากทำการทดสอบและประเมินรถยนต์รุ่นใดรุ่นหนึ่งแล้ว Thatcham จะจัดรถยนต์รุ่นนั้นเข้ากลุ่ม โดยมีคณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนจากธุรกิจประกันภัยเป็นผู้ตรวจสอบพิจารณากลุ่มอีกครั้งก่อนประกาศใช้ กลุ่มรถยนต์นี้จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อผู้บริโภคนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการซื้อรถ ธุรกิจประกันภัยนำข้อมูลกลุ่มรถมาใช้เป็นแนวทางประกอบการคำนวนเบี้ยประกันภัย ผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยแต่ละรายกำหนดวิธีการ ปัจจัยที่ใช้ และสูตรคำนวณที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการตลาดซึ่งส่วนนี้จะเพิ่มโอกาสการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ข้อมูลด้านการซ่อมแซมยานยนต์ที่เสียหายจากการชน
คณะวิจัยของ Thatcham รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการซ่อมแซมยานยนต์ เช่น วิศวกรและอู่ จำเป็นต้องมีข้อมูลในการซ่อมแซมที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานเวลา ความถูกต้องแม่นยำของวิธีการที่ใช้ มาตรฐานราคาสีที่ใช้ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพและความสามารถของบุคลากรด้วย
Thatcham ได้ปรับปรุงศูนย์วิจัยเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เรามีบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมในการเก็บข้อมูลด้านมาตรฐานเวลาและวิธีการซ่อมแซมที่ถูกต้องและมีคุณภาพ
- ข้อมูลมาตรฐานเวลาที่ใช้ในการถอดประกอบชิ้นส่วน ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับ
- มาตรฐานเวลาที่ใช้ในการทำสี - ตามขนาดของชิ้นส่วน
- ข้อมูลมาตรฐานราคาสี - ค่าเฉลี่ย ราคาของผู้ผลิตแยกเป็นราย และราคาต่อชิ้นส่วนตามขนาด
- วิธีการซ่อมแซมยานยนต์ตามหลักการที่ถูกต้อง ผลที่ได้คือรถยนต์คันนั้นๆ มีคุณภาพและความปลอดภัยในการคุ้มครองผู้โดยสารสูงเทียบเท่ากับสภาพโรงงาน
การรับรองคุณภาพอะไหล่
โครงการรับรองคุณภาพอะไหล่ของ Thatcham* ทำการตรวจสอบและรับรองคุณภาพของอะไหล่ที่ใช้เพื่อความสวยงามและไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของรถ เช่น กันชน ไฟหน้าและท้าย บังโคลน ฝากระโปรง เป็นต้น อะไหล่เหล่านี้ถูกใช้บ่อยครั้งในการซ่อมแซมความเสียหายจากอุบัติเหตุ เนื่องจากอะไหล่แท้ที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำให้ใช้มักจะมีราคาสูงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงไปด้วย การรับรองคุณภาพอะไหล่ของ Thatcham จึงเป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่ให้แก่ธุรกิจประกันภัยและอู่ซ่อมรถยนต์ให้ได้ใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพสูงแต่ราคาต่ำกว่า
อะไหล่ที่ได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ ได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและทดลองประกอบกับรถยนต์รุ่นที่ระบุว่าได้มาตรฐานทั้งรูปลักษณ์และขนาด นอกจากนั้นเรายังตรวจสอบสถานที่และกระบวนการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าการควบคุมคุณภาพเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และอะไหล่ที่ผลิตแต่ละชิ้นมีคุณภาพเดียวกัน
ขั้นตอนการรับรองคุณภาพ รวมไปถึง
- อะไหล่ - ตัวอะไหล่เองได้รับการตรวจสอบว่าสามารถใช้ติดตั้งรับรถยนต์รุ่นที่ระบุได้ไม่มีปัญหา
- ผู้ผลิต - กระบวนการผลิต เครื่องจักรและอุปกรณ์ได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อแน่ใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีคุณภาพสูงเท่าเทียมกัน
*Thatcham ร่วมดำเนินการรับรองคุณภาพอะไหล่กับ TUV Rheinland บริษัทจากเยอรมนีที่มือชื่อเสียงระดับโลกในการออกใบรับรองมาตรฐานของระบบจัดการต่างๆ
การฝึกอบรม
ในสหราชอาณาจักร Thatcham เป็นหน่วยงานหลักที่ทำการฝึกอบรมด้านการซ่อมแซมความเสียหายของยานยนต์จากการชนให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมการซ่อมแซมยานยนต์ ธุรกิจประกันภัยและช่างเทคนิคผู้เยาว์ หลักสูตรการอบรมส่วนใหญ่เป็นภาคปฏิบัติซึ่งเน้นถึงการพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงานใน 5 ด้านหลักๆ คือ
- ชิ้นส่วนและตัวถัง
- การทำสี
- เครื่องกล อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ตกแต่ง
- กระจก
- การประเมินความเสียหายของยานยนต์
Thatcham สามารถฝึกอบรมให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมการซ่อมแซมยานยนต์และธุรกิจประกันภัยในทุกประเทศทั่วโลก เรายินดีที่จะร่วมงานกับท่านไม่ว่าจะเป็นในฐานะวิทยากรหรือปฏิบัติงานร่วมกับธุรกิจฝึกอบรมในท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งในรูปแบบ franchise
หลักสูตรหนึ่งซึ่งเป็นประโยชน์ต่อวงการประกันภัยคือ "การประเมินความเสียหายของยานยนต์" ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือผู้ประเมินความเสียหายเบื้องต้น วิศวกร และบุคลากรในอู่ ซึ่งหากบุคคลกลุ่มนี้ได้รับความรู้และวิธีการที่ถูกต้องในการประเมิน จะทำให้ธุรกิจประกันภัยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานได้เนื่องจากข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องแม่นยำสูง และไม่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำ
การปฎิรูปครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย
Thatcham เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการอุตสาหกรรมการประกันภัยรถยนต์ในประเทศอังกฤษ และอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยการทำวิจัยในด้านการทดสอบรถยนต์ทุกรุ่นทุกแบบ เพื่อประเมินค่าความปลอดภัยให้กับรถในแต่ละรุ่น และจัดเรตติ้งหรือระดับความปลอดภัยในกับรถในแต่ละเซกเมนต์ เพื่อนำเป็นข้อมูลประกอบการทำเรื่องราคาอะไหล่ในการเคลมอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถทุกรุ่น และออกมาเป็นการกำหนดราคาที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละรุ่นให้มากที่สุด
ทั้งนี้ผู้บริโภคส่วมมากมักจำเป็นต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยที่เรตราคาเบี้ยประกันนั้นแทบไม่แตกต่างกัน
การประกันภัยรถยนต์กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทย เพราะเรากำลังมุ่งไปสู่ AEC ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่การแข่งขันธุรกิจระดับสากล ดังนั้น ผู้ประกอบการประกันภัยรถยนต์ควรคำนึงถึง การยกระดับมาตรฐานในการให้บริการสินค้าแก่ผู้บริโภค
ประเด็นคือ ท่านทราบไหมว่า ผู้บริโภคในประเทศไทยนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อรถยนต์ และเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เพราะสืบเนื่องจากรถยนต์บนถนนในประเทศประเทศไทยนั้น มีหลายรุ่นที่คล้ายคลึงกัน และผลิตโดยบริษัทรายใหญ่ไม่กี่ราย ที่ผลิตจากรุ่นสู่รุ่นต่อเนื่องกันมา โดยมุ่งเน้นนวัตกรรมความหรูหราและความสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ค่าซ่อมบำรุงสูงขึ้น จึงเป็นเหตุให้รถยนต์ที่เป็นยอดนิยมในตลาด มีต้นทุนการประกันภัยสูงตาม จะดีไหม ถ้าเรามีต้นทุนการประกันภัยที่ต่ำลง ก็แปลว่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกลง
ดังนั้นถึงเวลาที่ ทัทชาม (ประเทศไทย) จะต้องนำเสนอเครื่องมือในการคำนวณความเสี่ยงที่เป็นหนึ่งเดียว และ ทัทชาม (ประเทศไทย) ขอเสนอมาตราการที่ใช้ในประเทศอังกฤษมากว่า 40 ปี ดังนี้
การกำหนดเบี้ยประกันภัย
ปัจจุบันกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทประกันภัยในประเทศไทย มีจุดอ่อนในการกำหนดราคาเพราะเป็นกำแพงที่ขวางกั้นที่จะดำรง หรือเพิ่มกำไร
ความเห็นของเดนนิส มีนส์ ผู้บริหาทัทชาม (ประเทศไทย) การขาดความเชี่ยวชาญในการกำหนดราคาและระบบที่มี ประสิทธิภาพ ทำให้ความสามารถในการกำหนดเบี้ยประกันภัยไปสู่ตลาดนั้นแย่ลง แต่ถ้าบริษัทประกันภัย กำหนดความเสี่ยง ในราคาถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม แม้เพียง 80% ก็สามารถเพิ่มผลกำไรได้ในสามปีถัดไปได้ และนี่เป็นประเด็นที่เราคิดว่า ควรเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมา สามารถพิสูจน์ได้จากการกำหนดเบี้ยประกันภัยที่ไม่มีประสิทธิภาพ กับความต้องการ ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัทประกันภัย แล้วจุดอ่อนในการกำหนดราคาเบี้ยประกันภัยที่กล่าวถึงนี้อยู่ตรงไหน มีอยู่สองประเด็นด้วยกันคือ
1) บริษัทประกันภัยต่างๆ ไม่ได้ใช้ข้อมูลกลุ่มความเสี่ยงรถยนต์ของทัทชาม มีเพียงประมาณ 15 บริษัทเท่านั้นที่ใช้ (สำหรับการประกันภัยรถยนต์ของท่านและลองถามดูว่ามีการใช้กลุ่มความเสี่ยงของทัทชามในการคำนวณหรือไม่?) ถ้าทุกบริษัทประกันภัยใช้ข้อมูลของทัทชาม บริษัทสามารถคาดหวังการได้กำไรได้กำไรคืนประมาณ 1%ของเบี้ยประกันภัย
***ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับผู้ซื้อที่จะร้องขอการเปลี่ยนแปลงและถามบริษัทประกันภัยว่าเขาได้ใช้ข้อมูลกลุ่มความเสี่ยงหรือไม่ และถ้าไม่ ทำไมจึงไม่ใช้
2) ในพิกัดเบี้ยประกันภัยที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดนั้นไม่มีประสิทธิภาพพอและล้าสมัย
คปภ. เป็นหน่วยงานในการกำกับและออกนโยบายให้แก่บริษัทประกันภัย แต่ควรที่จะให้การวิเคราะห์ ความเสี่ยงนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ในความเป็นจริงรถยนต์ที่ขายอยู่ในประเทศนั้น ในแง่ของความปลอดภัยและการออกแบบโครงสร้างต่ำกว่ามาตราฐานเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์รุ่นเดียวกันในประเทศ แถบยุโรป และอเมริกา จึงเป็นเหตุให้ผู้ประสบอุบัติเหตุรถชนมีโอกาสจะรอดจากการเสียชีวิตหรือพิการได้น้อยมาก คปภ. ต้องเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้โดยด่วน เพราะเหมือนกับปล่อยให้ประชาชนชาวไทยต้องอยู่ในกับดักแห่งความตาย
ยกตัวอย่างเช่น ค่าพิกัดเดิมบอกว่า ฮอนด้าซิตี้ ควรจะมีค่าเบี้ยประกันภัยเท่ากับ โตโยต้าวีออส ซึ่งในปี 2557 ในความเป็นจริงตามข้อมูลของทัทชาม โตโยต้าวีออส รุ่นล่าสุด มีความปลอดภัยสูงกว่า หรือค่าความเสี่ยงน้อยกว่า เป็นที่น่าสงสัยว่าในเมื่อความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ทำไมค่าเบี้ยประกันภัยยังเท่ากับรถที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
จริงๆแล้วมันง่ายมาก ถ้าค่าพิกัดเบี้ยประกันภัยมีประสิทธิภาพกว่านี้และประเมินค่าความเสี่ยงได้ถูกต้อง ด้วยมุมมองที่เหมาะสมต่อความปลอดภัยและคุณภาพของรถยนต์นั้นๆ ชีวิตของผู้ขับขี่อาจจะสูญเสียน้อยลง
เบี้ยประกันภัย
เนื่องจากการแข่งขันอย่างเข้มข้นระหว่าง 58 บริษัทประกันภัย ทำให้การกำหนดเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับปัจจัยการตลาด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยหรือความเสี่ยงของรถยนต์ ถ้าบริษัทประกันภัยได้ใช้ข้อมูลที่เป็นกลางของทัทชาม บริษัทสามารถประเมินได้ว่า รถคันไหนมีความเสี่ยงสูงเวลาเกิดอุบัติเหตุ รถคันไหนมีค่าซ่อมสูงเวลาชน หรือโดนชน และกำหนดเบี้ยประกันตามหลักความเป็นจริงได้ และที่ดีกว่านั้น ผู้บริโภคสามารถสืบราคาและซื้อเบี้ยประกันภัยที่มีราคาดีที่สุด
นอกจากนั้นผู้บริโภคยังสามารถให้บริษัทประกันภัยที่ใช้ตัวเลขความเสี่ยงของทัทชามช่วยคุณได้ ให้ถามว่าตัวเลขความเสี่ยง รถยนต์ของท่านมีค่าแตกต่างจากรถยนต์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะพิสูจน์ได้ว่า บริษัทประกันภัยเหล่านั้น ได้ใช้ตัวแปรทางวิทยาศาสตร์ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และที่สำคัญที่สุด เมื่อผู้บริโภคมีค่าวัดผลที่เป็นกลาง ทางผู้ผลิตรถยนต์ต้องคำนึงถึงการผลิตรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น และใช้อะไหล่ที่สามารถลดค่าซ่อมบำรุงให้ถูกลง ซึ่งในระยะยาว ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเขาให้มีค่าเบี้ยประกันภัยต่ำลง ซึ่งต้นทุนเหล่านี้ จะสามารถคืนกำไร ให้ผู้บริโภคผ่านทางค่าเบี้ยประกันภัยที่มีราคาถูกลง
การลดความสูญเสียจากการเสียชีวิต
ในอุตสาหกรรมนี้ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า การประกันภัยมีจ่ายค่าสินไหมให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราตระหนักถึงหน้าที่ในการลดอัดตราการสูญเสียชีวิต ซึ่งต้องเริ่มจากการปรับปรุงการออกแบบของรถยนต์บนพื้นฐานสองข้อหลักดังนี้
- ลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- ลดค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในบางประเทศ สิ่งนี้มีราคาถูกมาก
และส่วนประเทศไทยนั้น เราคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ผลิตรถยนต์จะช่วยเราทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริง และเปลี่ยนความคิด จากเดิมว่าประเทศในภูมิภาคนี้ ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยน้อยกว่าทวีปยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา
อะไรคือสิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์จะได้รับจากการใช้มาตรฐานของการจัดกลุ่มรถยนต์ตามความเสี่ยงของทัทชาม
สิ่งแรกก็คือยอดขายที่จะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรถที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ (ในราคาที่เหมาะสม) สิ่งที่สองก็คือ ผู้ผลิตรถยนต์สามารถให้ความรู้และช่วยให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นลดลง นี่เป็นสิ่งสำคัญ ที่ประชาชน ในประเทศไทย ควรจะให้ความเชื่อถือมากขึ้นในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ถ้าผู้ผลิตรถยนต์ได้เห็นกลุ่มความเสี่ยงของคู่แข่ง และพยายามที่จะทำให้ต่ำกว่า ดีกว่า ความสามารถในการแข่งขันก็จะมีสูงกว่าคู่แข่งเหล่านั้น และในที่สุด ทุกฝ่ายจะเป็นผู้ชนะ