ไฟเขียวขึ้นค่าทางด่วนอีก 5 บาท เริ่ม ก.ย.ปีนี้ รถยนต์ 4 ล้อ จ่าย 50 บาท
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนตามสัญญาสัมปทานทางด่วน 1, 2 ในเดือนกันยายนนี้ว่า ได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พิจารณาตามขั้นตอนและให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานระหว่าง กทพ.กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ ที่มีเงื่อนไขให้ปรับทุกๆ 5 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อและดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่เพิ่มขึ้น โดยหากผลพิจารณาออกมาว่าต้องปรับขึ้น ก็คงไม่สามารถยับยั้งได้ เพราะต้องคำนึงถึงสัญญาสัมปทานกับเอกชนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทางผู้บริหารบีอีซีแอลได้มาพบตนแล้ว โดยแจ้งให้ทราบว่าในปีนี้ครบ 5 ปีที่จะต้องขอปรับขึ้นค่าผ่านทาง ซึ่งตนให้ไปหารือในรายละเอียดสัญญากับ กทพ.และให้เสนอมาตามขั้นตอน
ด้านคุณอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า เบื้องต้นการพิจารณาตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) พบว่าจะต้องปรับขึ้นค่าผ่านทางประมาณ 5 บาท ซึ่งตามหลักการจะต้องเริ่มเจรจากับบีอีซีแอลตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากมีขั้นตอนที่ต้องเสนอที่ประชุมบอร์ด กทพ. และ ครม. และต้องประกาศล่วงหน้า
ทั้งนี้ ตามสัญญาอัตราใหม่จะมีผลวันที่ 1 กันยายน 2556 จะทำให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท ปรับเป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปจาก 100 บาทเป็น 115 บาท ส่วนสัญญาสัมปทานทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ระหว่าง กทพ.กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพที่จะสิ้นสุดในอีก 9 ปี ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาเพราะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร จะให้กทพ.บริหารจัดการทางด่วนเอง หรือจะเจรจากับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ เพื่อต่อสัญญา ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาแล้ว กทพ.ต้องเจรจาต่อสัญญากับบีอี-ซีแอลก่อนวิธีการอื่นๆ
อย่างไรก็ตามการบริหารสัญญาเอง จะมีข้อดีที่รัฐจะกำหนด หรือลดราคาค่าผ่านทางได้ง่าย โดยไม่ต้องเจรจากับเอกชนก่อน สำหรับปริมาณจราจรบนทางด่วนล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2555 เฉลี่ย 1.7 ล้านคันต่อวัน โดยเคยสูงสุดถึง 1.8 ล้านคันต่อวัน นับว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 500,000 คันต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 2 ล้านคันต่อวันภายในเดือนเมษายนนี้