ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที
กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

  • รถยนต์
  • รถยนต์
  • ค้นหาแบบละเอียด
  • Mercedes-benz ยอดขายพุ่งกระฉูด 12.78% ยอดรวม 12,776 คันในปี 2015

    21 ม.ค. 59 2,578
    Mercedes-benz ยอดขายพุ่งกระฉูด 12.78% ยอดรวม 12,776 คันในปี 2015
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยผลประกอบการประจำปี 2558 ด้วยยอดขายรถยนต์ 12,776 คัน ที่ผ่านมาเติบโตกว่า 12.78% สร้างสถิติยอดขายรถหรูสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชูกลยุทธ์ "THE BEST" สำหรับปี 2559 เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการนำเสนอ "สิ่งที่ดีที่สุด" ให้กับลูกค้า พร้อมเตรียมเปิดตัวรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในประเทศไทย The S 500 e และ  The C 350 e และทยอยเปิดตัวอีกกว่า 20 รุ่นตลอดปีนี้ เพิ่มทางเลือกในทุกเซกเมนต์ พร้อมแผนการตลาดที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญ จากกิจกรรมซีอาร์เอ็ม แคมเปญบริการหลังการขาย โดยร่วมกับผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิด และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ไปพร้อมๆ กัน 
    มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในปี  2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยยอดขายทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 12,776 คัน เติบโต 12.78% (2557: 11,328 คัน) ในขณะที่ยอดขายเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมียอดขายโดยรวมทั้งปีอยู่ที่ 12,671 คัน ยอดขายในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,761 คัน เติบโต 47.10% (ธันวาคม 2557: 1,877 คัน) และยอดขายในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 4,775 คัน ทั้งนี้ ถือเป็นยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ และยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดรถหรูต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 อีกด้วย"
    "ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าในทุกเซกเมนต์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในปี 2558 บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์ทั้งสิ้น 21 รุ่น ครอบคลุมใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Compact Car ทั้งหมด 7 รุ่น เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ กลุ่ม Contemporary Luxury ทั้งหมด 7 รุ่น โดยมีรุ่นไฮไลท์คือ C 300 BlueTEC HYBRID ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปิดสายการผลิตในประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และกลุ่ม Dream Car จำนวน 7 รุ่น  โดยมีรุ่นพิเศษ 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG GT S และ Mercedes-Maybach เป็นต้น อีกทั้งการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "Mercedes-Benz 2020 - Best Customer"  
    สำหรับแนวทางการทำการตลาดของบริษัทฯ ในปี 2559 บริษัทฯ วางแผนที่จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "THE BEST" หรือ "สิ่งที่ดีที่สุด" ให้กับลูกค้า บริษัทฯ ได้เตรียมนำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเชิงนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงระบบความปลอดภัยในการขับขี่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ในรุ่น The S 500 e และ The C 350 e ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ปล่อยพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังวางแผนการเปิดตัวรถยนต์อีกกว่า 20 รุ่น ควบคู่กับกิจกรรมทดสอบรถยนต์เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการร่วมงานแสดงยนตรกรรมทั้ง Bangkok International Motor Show และ Motor Expo  
    นอกจากนี้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเน้นการทำกิจกรรมการตลาดบนสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คที่ตอนนี้มีผู้ติดตามแล้วกว่า 513,613 คน และอินสตราแกรม ด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 53,400 คน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ในส่วนกิจกรรมซีอาร์เอ็ม เรายังคงมอบกิจกรรมสุดพิเศษให้กับลูกค้า และสมาชิก MercedesCard ภายใต้คอนเซปต์ "Best Customer Experience" เพื่อมอบเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด ครอบคลุมในทุกความต้องการของลูกค้า เช่น กิจกรรมเวิร์คช็อปร่วมกับแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ชมพู่ - อารยา เอ. ฮาร์เก็ต และกิจกรรมภายใต้แคมเปญฟุตบอลยูโร 2016 รวมถึงการแข่งขัน MercedesTrophy ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 17 ปีแล้ว เป็นต้น


    ส่วนในด้านบริการหลังการขาย บริษัทฯ ชูจุดเด่นด้านบริการหลังการขายตั้งแต่การซ่อมบำรุง ดูแลรักษา และจำหน่ายอะไหล่แท้ที่มีคุณภาพ พร้อมโปรแกรมบริการหลังการขายที่หลากหลาย เช่น "My Privileges. My Service" โปรแกรมที่ยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น เช่น เลาจน์รับรองลูกค้า บริการที่รวดเร็วทันใจ การเตรียมรถสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกบริการที่ตรงตามความต้องการ รวมถึงการพัฒนา Mercedes-Benz Service Application ระบบการจองเข้ารับบริการในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการบริการตลอด 24 ชั่วโมง
    แคมเปญพิเศษส่งเสริมการขายที่ร่วมมือกับบริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบครบวงจร พร้อมทั้งโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับลูกค้าของเมอร์เซเดส เบนซ์ เท่านั้น รวมถึงมุ่งเน้นพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีที่สุดและต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปเพื่อพัฒนาบุคคลากรด้านการช่างเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าให้แก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของเมอร์เซเดส เบนซ์ ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 31 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 16 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 15 แห่งในต่างจังหวัด และมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 5 แห่ง ให้ครบ 36 แห่งภายในปี 2560 
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีส่ง Plug-in 2 รุ่น C350e/C500e สู่ตลาดรถหรูรักษ์โลก 
    บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเดิมปี 2559 ตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่นใหม่ล่าสุด บนเส้นทางเชียงใหม่ - เชียงราย ได้แก่  The S 500 e รถยนต์ซีดานระดับ พรีเมี่ยม ที่ผสมผสานทั้งเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และภาพลักษณ์อันหรูหราของรถยนต์ตระกูลเอส-คลาสเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมด้วยอัตราการปล่อย CO2 ที่ลดเหลือเพียง 62 กรัม/กิโลเมตร นำเสนอในราคาเริ่มต้นที่ 6,390,000 บาท และ The C 350 e  รถยนต์รุ่นที่ 2 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ซึ่งทั้ง 2 ดีไซน์ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด พร้อมอัตราการปล่อย CO2 เพียง 58 กรัม/กิโลเมตรในรุ่นซีดาน และ 54 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นเอสเตทนำเสนอในราคาเริ่มต้นที่ 2,990,000 บาท 
    สำหรับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด นับเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียเลย (Zero Emission) ในอนาคต โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกรูปแบบการขับขี่ ทั้งการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบเมื่อขับขี่ภายในเมือง หรือการขับขี่แบบไฮบริดที่ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ทั้งความประหยัดและการตอบสนองที่รวดเร็ว พร้อมมอบสุนทรียะทุกครั้งที่ขับขี่ 
    Mercedes-Benz C 350 e นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในตระกูล The new C-Class ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดต่อจากรุ่น C 300 BlueTEC Hybrid และยังเป็นรถยนต์รุ่นที่สองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดอีกด้วย โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ซึ่งทั้งสองดีไซน์ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดถึง 47.5 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 58 กรัม/กิโลเมตรในรุ่นซีดาน และ 54 กรัม/กิโลเมตรในรุ่นเอสเตท พร้อมด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 6.38 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้ อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 33 กิโลเมตร
    The C 350 e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที โดยในรุ่นซีดานมีแรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ส่วนในรุ่นเอสเตท มีแรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 246 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
    • The C 350 e Exclusive ราคา 2,990,000 บาท
    • The C 350 e AMG Dynamic ราคา 3,340,000 บาท
    • The C 350 e Estate AMG Dynamic ราคา 3,690,000 บาท
    Mercedes-Benz S 500 e คือ รถยนต์ซีดานระดับพรีเมียมที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด นวัตกรรมด้านยานยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกชั้นเลิศ และภาพลักษณ์อันหรูหราของรถยนต์ตระกูลเอส-คลาสเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับ The S 500 e มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ Exclusive และ AMG Premium โดยยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้น พร้อมด้วยการปล่อย CO2 ที่ลดเหลือเพียง 62 กรัม/กิโลเมตร นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังถือว่าเป็นรถยนต์หรูที่ใช้เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตรรุ่นแรกของโลกที่ผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำระบบสำรองพลังงานจากการเหยียบแป้นเบรกมาใช้ ซึ่งระบบนี้จะช่วยผสานการทำงานระหว่างการเหยียบแป้นเบรกของผู้ขับขี่และการใช้ระบบเบรกแบบไฟฟ้าเมื่อผู้ขับขี่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีกด้วย 
    The S 500 e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 6 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย พร้อมด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร 
    • The S 500 e Exclusive ราคา 6,390,000 บาท
    • The S 500 e AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท
    ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ

    ข่าว-โปรโมชั่นล่าสุดอื่นๆ

    สนใจทดลองขับ

เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)