รวมบิ๊กไบค์ (Bigbike) เด่นในงาน Motor Expo 2018
ตลาดบิ๊กไบค์ (Bigbike) ดูเงียบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเพิ่งมีค่ายยุโรปอย่าง BMW เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ สายลุยตระกูล GS ไปไม่นาน ส่วนทางค่ายยอดนิยมอย่าง ฮอนด้า กับ ยามาฮ่า ยังเงียบ อย่างไรก็ตาม บิ๊กไบค์ ในงานมหกรรมยานยนต์มักได้รับความสนใจเสมอ และครั้งนี้ Motor Expo 2018 นับเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกซื้อบิ๊กไบค์ในงาน เชื่อว่าจะมีรุ่นพิเศษเปิดตัวให้ได้ชมกันอีก พร้อมโปรโมชั่นเด็ดที่เห็นแล้วยากจะห้ามใจ เรามาอัปเดตบิ๊กไบค์รุ่นเด่นกันก่อนเข้างาน ว่าคันไหนยังโดดเด่น และใหม่ติดกระแสความนิยม
YAMAHA จัดโปรโมชั่นฉลองแชมป์ให้รถสปอร์ตตัวจริง
YAMAHA YZF-R6 ให้สำหรับคนที่ใฝ่ฝันอยากครอบครองเจ้าสปอร์ตสายพันธุ์แชมป์คันนี้โอกาสมาแล้ว โดยผู้ที่ออกรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2561 จะได้รับข้อเสนอสุดเร้าใจ “ดอกเบี้ย 0%” ตลอด 4 ปี ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนี่คือโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ความแรงแบบเดียวกับแชมป์โลก World Championship ถึง 2 สมัย!
สอบถามรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ในงาน MotorExpo 2018 วันที่ 29 พ.ย. นี้
BMW F 850 GS ใหม่ ผสานเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์แบบทัวริ่งเข้ากับสมรรถนะออฟโรดเหนือชั้นไว้ได้อย่างลงตัว มาพร้อมพละกำลังของเครื่องยนต์สองสูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 853 ซีซี เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู F 750 GS แต่ทรงพลังกว่าด้วยกำลัง 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) ที่ 8,250 รอบต่อนาที และแรงบิด 92 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที พร้อมระบบควบคุมไอเสียแบบ Closed-Loop ชนิด 3 ทาง Catalytic Converter ตามมาตรฐาน EU4
เฟรมโครงสร้างได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู F 750 GS เสริมประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนด้วยโช้คหัวกลับและสวิงอาร์มคู่อะลูมิเนียม พร้อมโหมดการขับขี่มาตรฐาน 'Rain' และ 'Road'
สำหรับรุ่น Exclusive Style มาพร้อม Riding Modes Pro ที่เพิ่มโหมดการขับขี่ 'Dynamic', 'Enduro' และ 'Enduro Pro' พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย อาทิ Dynamic ESA, Dynamic Traction Control (DTC), Keyless Ride และ ABS Pro
ดีไซน์ใหม่เสริมเส้นสายความดุดัน รวมทั้งไฟหน้า LED แบบใหม่เช่นกัน พร้อมลุยบนพื้นผิวออฟโรดด้วยล้อซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว และ 17 นิ้ว โดยบีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS มาให้เลือกในสี Light White Uni (Rallye Style) และ Pollux Metallic Matt (Exclusive Style) เจอตัวจริงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018
ไทรอัมพ์ Scrambler1200 ใหม่! ที่ได้รับการปรับและเพิ่มเติมด้านชิ้นส่วน รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งกว่าที่เคยมีมา เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย
The New Street Twin 2019 รถมอเตอร์ไซค์ที่สืบทอดความเป็นต้นแบบแท้จริง โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกที่จะพาไปสู่ความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยพละกำลังและประสิทธิภาพของรถที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง ขนาด 900 ซีซี ที่ผ่านการปรับปรุงพัฒนา ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า ให้พละกำลังสูงสุดถึง 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมมอบแรงบิดสูงสุดระดับมหาศาลถึง 80 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเก็บเสียงท่อคู่ (Twin Upswept) ที่มอบเสียงของเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง เบรกหน้าใหม่จาก Brembo แบบ 4 สูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกให้ดียิ่งขึ้น โช้คหน้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายมากกว่าเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนท่วงท่าของผู้ขับขี่ให้ขับขี่สบายขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ รวมทั้งเพิ่มความสบายของเบาะนั่งทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน
The New Street Scrambler 2019 รถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมอิสระและความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด ซึ่งได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นทั้งด้านพละกำลัง และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด จนก้าวขึ้นเป็นรถระดับชั้นนำอย่างแท้จริง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง 900 ซีซี ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า สูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที รวมถึงการปรับปรุง ฝาครอบลูกเบี้ยวใหม่ทำจากแมกนีเซียม เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบา เพลาตาย และเพลาถ่วงดุล ฝาครอบคลัตช์ใหม่ และคลัตช์ใหม่น้ำหนักเบา ตลอดจนระบบท่อไอเสียคุณภาพสูง ที่ช่วยส่งมอบเสียงของเครื่องยนต์สแครมเบลอร์อย่างแท้จริง
เบรกหน้า Brembo 4 สูบใหม่พร้อมคาลิปเปอร์ โช้คหน้าใหม่ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงรถแบบใหม่ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของสแครมเบลอร์ ที่มีแฮนด์บังคับกว้างกว่าเดิม ที่พักเท้าโน้มไปด้านหน้าและล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ที่มาพร้อมยางรถที่สามารถให้การยึดเกาะเป็นอย่างดีบนพื้นถนนทางเรียบและบนพื้นผิวแบบ Light off-road ตลอดจนตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำลงทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงทุกระดับ
HARLEY-DAVIDSON FWDR เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ใหม่ นำเสนอสมรรถนะแห่งการพุ่งทะยานที่แรงสุดขั้ว เห็นได้จากการออกแบบรูปลักษณ์ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งขันทางตรง ที่ซึ่งนักขี่สามารถสัมผัสถึงแรงบิดที่มีปฏิกิริยากับพื้นถนนได้อย่างเต็มกำลัง ในขณะที่อะดรีนาลีนผู้ขับขี่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ขุมพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight V-twin engine 114 ci แชสซีรุ่นซอฟเทล (Softail™) พร้อมสวิงอาร์มและล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบา ผสมผสานองค์ประกอบต่างๆที่ช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้อย่างมาก
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™ เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ใหม่ มอบสมรรถนะที่แรงแบบรถแข่งแดร๊กแนวฮาร์ดคอร์ ที่เพียบพร้อมด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี นับเป็นมอเตอร์ไซค์แบบครุยเซอร์อันทรงพลังที่มอบมิติใหม่ของประสิทธิภาพการขับขี่ในกลุ่มรถฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™ ผสานแรงบิดสุดพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 เข้ากับแนวคิดอิสระในการใช้ชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและการผสมผสานส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ผลลัพธ์ก็คือ การยกระดับสมรรถนะการขับขี่ในทุก ๆ ด้านอย่างชัดเจน
HARLEY DAVIDSON IRON 1200 ไออ้อน 1200 ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ Evolution™ 1200 V-Twin engine มอบแรงบิดมากขึ้น 34% (เปรียบเทียบ 70 นิวตันเมตรกับ 94 นิวตันเมตร) เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ 883 Evolution engine ในรุ่นไออ้อน 883 (Iron 883) ซึ่งเป็นรุ่นต้นแบบมอเตอร์ไซค์สำหรับขับขี่ในเมืองในตระกูลสปอร์ตสเตอร์ (Sportster™)
แฮนด์บาร์สีดำในแบบมินิเอพ (Mini Ape) สีซาตินแบล็ก ที่ยกสูงโค้งขึ้นแบบชอปเปอร์ที่สร้างความโดดเด่นให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อย่างชัดเจน การออกแบบแผงหน้าปัดสีดำเงาที่ล้อมกรอบไฟหน้าได้รับอิทธิพลมาจากสไตล์ West Coast ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับแกนทรงสูงของตัวรถ ส่วนเบาะนั่งตอนเดียวแบบคาเฟ่ Café Solo Seat เอียงลาดไปยังส่วนบังโคลนหลังและถูกปรับรูปทรงให้ช่วยรองรับผู้ขี่ให้อยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงในยามที่แรงบิดจากเครื่องยนต์ Evolution 1200 กระชากออกตัว
ถังน้ำมันขนาด 3.3 แกลลอนของรุ่นสปอร์ตสเตอร์แบบคลาสสิก มีการทำลวดลายกราฟิกแถบยาวหลากสีให้โอบตัวถังน้ำมันโดยรอบ ระบบส่งกำลังเครื่องทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยสียอดนิยม อาทิ ส่วน rocker box ทั้งบนและล่างสีดำ, ท่อไอเสียและแผ่นกันความร้อนสีดำ, และตัวไทเมอร์ ฝาครอบ Primary และ Derby สีดำ สำหรับส่วนท่อก้านส่งลิ้นและฝาครอบลูกกระทุ้งชุบโครเมียมช่วยเพิ่มโทนสีสว่างและสร้างจุดเด่นให้กับส่วนเครื่องยนต์ V-Twin engine โดยไออ้อน 1200 ยังติดตั้งล้ออลูมิเนียมแบบ 9 ซี่ รวมถึงเบลท์การ์ดสีดำสนิทตั้งแต่ขอบล้อ โซ่ฟันเฟือง สำหรับรุ่นไออ้อน 1200 มีราคาเริ่มต้นที่ 619,000 บาท
Honda CB650R มาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ตแบบเต็มขั้น ขณะที่ CB650R เน้นความเท่แบบมีสไตล์เป็นของตนเอง แต่ทั้ง 2 รุ่น เร้าใจด้วยเทคโนโลยียานยนต์ที่ถอดแบบ DNA มาจากรุ่นใหญ่ CBR1000RR ในด้านอุปกรณ์ติดรถ ฮอนด้า 650 Series 2 รุ่นนี้ ยังเท่ด้วยมาตรวัดใหม่แบบดิจิตอลพร้อมไฟแสดงตำแหน่งเกียร์เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำขึ้น โดยรุ่น CBR650R ยังวางตำแหน่งมือจับ (Handle Bar) และถังน้ำมันใหม่ เพื่อความสมดุลและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม พร้อมไฟหน้าแบบ Duo Head Light ใช้หลอด LED รอบคัน ส่วนรุ่น CB650R ใช้ไฟหน้าทรงกลม ที่โดดเด่นด้วย LED แบบวงแหวน
ด้านความปลอดภัยทั้ง CBR650R และ CB650R มาพร้อมโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ (Upside down) และ ดิสก์เบรกคาลิปเปอร์ 4 พอร์ต มั่นใจด้วย Assist & Slipper Clutch ช่วยลดอาการกระชากของล้อหลังในช่วงเปลี่ยนเกียร์สูงลงมาเกียร์ต่ำ ระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) เทคโนโลยีจากสนามแข่ง ช่วยปรับกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมตามสภาพการขับขี่ และป้องกันล้อหมุนฟรี ติดตั้งระบบ Emergency Stop Tail Light แสดงไฟฉุกเฉินเมื่อรถเบรกกะทันหันแบบที่ใช้ในรถระดับซูเปอร์สปอร์ต
GSX-R1000/R - Own The Racetrack ราชันแห่งสนามแข่ง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นนำจากสนามแข่งในการแข่งขัน MotoGP ได้ถูกพัฒนา และนำมาบรรจุอยู่ใน Suzuki GSX-R1000R และ GSX-R1000 ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 999.8 ซีซี แบบ DOHC 4 สูบ ลูกสูบแบบ Forged Aluminum ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน Suzuki VVT เพิ่มประสิทธิภาพความแรงด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด
และสุดพิเศษเอกสิทธิ์เฉพาะรุ่น Suzuki GSX-R1000R ที่ติดตั้งระบบ Launch Control ซึ่งทำงานเมื่อบิดคันเร่งในทันที โดยรอบเครื่องยนต์และแรงบิดจะถูกควบคุมแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถออกจากจุดสตาร์ทรถได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย อีกทั้งระบบ Bi-Directional Quick Shift เป็นอีกเทคโนโลยีจากสนามแข่งที่ติดตั้งเฉพาะรุ่นนี้ โดยผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ต่ำและสูงได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องบีบมือคลัตช์หรือผ่อนคันเร่ง ทำให้ผู้ขับขี่มีความสนุกเร้าใจทุกครั้งที่ได้ขับขี่ Suzuki GSX-R1000R
Hypermotard 950 (ไฮเปอร์โมตาร์ท 950) เพิ่มความดุดันด้วยไฟหน้าและ DRL ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วยเฟรมถักจากเมนเฟรมต่อเนื่องมาจนถึงซับเฟรมใต้เบาะนั่งรับกับท่อไอเสียรูปแบบใหม่แบบคู่แยกออก 2 ด้าน เบาะนั่งถูกออกแบบให้มีความเพรียวกระชับยิ่งขึ้น รวมถึงตัวรถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 4 กก. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Testastretta 11 ° ขนาด 937 ซีซี มาพร้อมพละกำลัง 114 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาทีและแรงบิด 95.6 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบต่อนาที ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้จะสามารถสัมผัสความแตกต่างของแรงบิดได้อย่างชัดเจนถึง 80% ตั้งแต่ที่ 3,000 รอบต่อนาที นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี 6-axis Bosch IMU ที่ช่วยควบคุม ABS Cornering Bosch EVO ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เบรกได้เต็มประสิทธิภาพแม้ขณะอยู่ในโค้ง ไม่ว่าจะเป็นมุม Lean angle 44 องศา ซึ่งเป็นมุมที่รถนั้นจะทำมุมเอียงได้สูงสุด